ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปมากที่สุดของไต้หวัน คงจะหนีไม้พ้น อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ซึ่งได้ยินคำร่ำลือมาว่าสวยนักสวยหนา เป็นภูเขาหินอ่อน ซึ่งแค่ได้ดูรูปและได้ยินชื่อคงนึกถึงความอลังการของสถานที่แห่งนี้ มาติดตามการเดินทางของเราต่อได้ค่ะ
การเดินทางของเราเมื่อวานได้นั่งรถไฟจากเกาสงขึ้นมาฮวาเหลียนโดยมาถึงฟ้าก็มืดซะแล้วล่ะ แล้วก็พักค้างคืนที่โรงแรม True Friend Inn ตื่นเช้ามาช่วง 10 โมงเช้ารัตน์และน้องเอิร์นมีนัดกับพี่จุ๊บ ซึ่งพานำเที่ยวทาโรโกะ และเราก็มีเพื่อนร่วมทริปจากห้อง ไต้หวันหว่อไหลเลอมาอีก 3 ชีวิตด้วยกัน ซึ่งเราแชร์ค่ารถด้วยกันคนละไม่ถึง 1,000 เหรียญ แต่ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งวันเลยล่ะ
น้องเอิร์นกับพี่เจี๊ยบ กำลังปรึกษาหารือกันว่าวันนี้จะไปที่ไหนได้บ้าง
บริเวณโดยรอบของสถานีฮวาเหลียนพี่เจี๊ยบจอดรถรอคณะเราอีก 3 คนเพื่อเดินทางไปพร้อมกัน
และแล้วคณะของเราก็มากันครบค่ะ ทั้ง 3 คนนั่งรถไฟตรงยิงยาวมาจากไทเป ต้องตื่นเช้ามากกก
เพื่อให้ทันขึ้นรถไฟมาฮวาเหลียน
ถ้าลองดูตามแผนที่ (ขอเพ่งแป๊บ) ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเพียบเลยตามชายหาด
เดินทางจากสถานีรถไฟฮวาเหลียนเพียง 30 นาทีก็ถึงทางเข้าของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะแล้วจ๊ะ
บริเวณทางเข้าก้มีร้านขายของที่ระลึกและมีรถเข็นขายผลไม้แบบนี้ด้วยนะคะ น่าทานดี มีมะเขือเทศด้วย แต่เราลองสังเกตุดูแล้วล่ะ ผลไม้ที่นี่ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับบ้านเรา
สถานที่แรกที่แวะมาคือ Visitor Center เพื่อทำการเรียนรู้เกี่ยวกับอุทยานค่ะ ซึ่งจริงๆ ก็เข้าไปสแตมป์ตราประทับลงในสมุด(ก็เท่าแค่นั้นเองแหละ)
เกือบทุกๆสถานที่ที่ไต้หวันจะมีตราประทับแบบนี้ สำหรับใครที่ชอบสะสมหรือเก็บเรื่องราวต่างๆไว้ก็อย่าลืมที่จะพกสมุดมาเพื่อปั๊มตราประทับกันค่ะ
หลังจาก Visitor Center เราก็เดินมาที่ทางเดินแรกเรียกว่า “ซาคาตัง” Shakadang Trail ซึ่งเวลาที่ลอดอุโมงค์นี้แล้วนั้นทำให้รู้สึกเหมือนดูเรื่อง Spirit Away ของค่าย Studio Ghibli ยังไงยังงั้นแหละ
ทางเดินที่ทอดยาวนี้ให้เราได้ชมธรรมชาติของทาโรโกะกัน
เราเดินมาเรื่อยๆตามทาง สิ่งที่เรากำลังมองหาคือจุด Wow ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ยที่นี่ต้องมาเว้ย !!
เที่ยวไต้หวันขอแนะนำให้ใช้รองเท้ากีฬามาเดินนะคะ เพราะทางเดินค่อนข้างยาวและมีที่ให้เดินเยอะในทุกๆที่ของ ไต้หวัน
น้องเอิร์นก็ถ่ายภาพเซลฟี่
มา Trail แรกนี้บอกตามตรงยังหาจุดว๊าวววไม่เจอเลยค่ะ
และที่เราจะพบเจอตามทางคือหินอ่อน และสีของน้ำเป็นสีเขียวเทคว๊อยซ์สวยงาม สบายตาดี
การเดินทางที่จุดนี้เรามีเวลาไม่นานมากค่ะ พอขึ้นมาก็ต้องรีบไปจุดต่อไป เนื่องจากว่า เพิ่งจะเกิดหินถล่ม ทำให้ต้องจำกัดจำนวนรถในการเข้าเป็นเวลาและเป็นรอบ ใครที่มาช้าก็ต้องคอยกันหน่อยเพื่อให้เข้ามาด้านในได้ ส่วนคนด้านในก็ต้องรอเวลาที่ทางอุทยานจะเปิดทางให้ออกไปข้างนอกได้อีก เลยจำเป็นต้องรักษาเวลาในการเดินซักนิดนึง
มาทาโรโกะอย่างที่บอกค่ะ มีรถประจำทางแหละมาส่งที่นี่ด้วย แต่อาจจะไม่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่พูดภาษาจีนไม่ได้แบบเรา ทางที่ง่ายที่สุดคือการเช่ารถแบบของพี่จุ๊บที่พาเราเที่ยวและเหมาไปเที่ยวรวมกับคนอื่น เพื่อแชร์ค่าเดินทางกัน
จุดต่อไปสำหรับการเดินเที่ยวคือ Changchun Shrine (สุสานฉางชุน) ซึ่งเป็นอีกจุดที่ใครมีกล้องเลนส์ดีๆ เลนส์ไวด์มาถ่ายจะได้ภาพมุมกว้างที่สวยงามมากจริงๆ
ด้านบนนั้นเป็นสถานที่ตั้งป้ายวิญญาณสดุดีของทหารก๊กมินตั๊งผู้ก่อสร้างเส้นทางทาโรโกะให้เราได้เดินทางท่องเที่ยวจนถึงทุกวันนี้แหละจ๊ะ ซึ่งแต่ก่อนที่ก่อสร้างนั้นค่อนข้างลำบากเลยทีเดียวเพราะทหารต้องปีนป่ายหน้าผาเพื่อตอกสร้างทางเดินเส้นทางนี้ ถ้าหากว่าเกิดแผ่นดินไหว เชือกที่ผูกตัวไว้ขาดก็จะพลาดตกเขาเสียชีวิตไปเลย
เส้นทางต่อไปที่จะเข้าไปคือที่นี่จ้า นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่นนะคะ ฮ่าๆ แต่เป็นเส้นทางที่จะวิ่งตรงเข้าไปที่ถ้ำนกนางแอ่น ซึ่งจำเป็นต้องเดินลงไปแลกหมวกสวมเพื่อกันหิน กันระเบิดนกที่อยู่ในถ้ำกันอีกด้วย
นี่เรามีนางแบบส่วนตัวมาด้วยนะคะ เห็นสีของน้ำมั้ยคะ สีฟ้าสวยมากๆ
มาใส่หมวกกันดีกว่า
นักท่องเที่ยวเกาหลีก็ถ่ายรูปกันแชะ แชะ
เส้นทางนี้รถไม่สามารถจอดได้ค่ะ พี่จุ๊บจำเป็นต้องขับล่วงหน้าพวกเราไปก่อน แล้วไปเจอกันตรงทางออกของถ้ำนกนางแอ่นค่ะ
แล้วก็ออกจากถ้ำนกนางแอ่นค่ะ
สวยงามดีด้านหลังเป็นภูเขาเจ้าชายกบ มีใส่มงกุฏด้วย
เห็นยังคะใส่มงกุฏจริงๆด้วยนะ
เราแวะมาที่จุดชมวิวถ่ายภาพอีกจุดนึงค่ะสะพานแขวนโยกเยกๆ ตั้งแต่ไปไต้หวันน้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย
ชอบสีของน้ำที่นี่จัง
หลังจากนั้นก็ทำการทิ้งน้องเอิร์นไปเดินอีกทาง เห็นจากในรูปของเอิร์นแล้วมีไปลอดถ้ำมาด้วย แต่รองเท้าของข้าพเจ้านั้นแอบรับไม่ไหวเอาจริงๆสินะ พี่จุ๊บเลยขับพามาลงพักที่บริเวณจุดพักก่อนจะเดินทางออกจากบริเวณอุทยานค่ะ ซึ่งเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ และน่าขึ้นไปชมนั่นก็คือ Xiangde Temple https://goo.gl/maps/nLPLGKi6sc82
ได้เจอกับนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยค่ะซึ่งเหมาแท็กซี่ขับตรงมาจากไทเปเลยวันเดียวกลับ แอบรู้สึกเหนื่อยแทนเลย ถ้าเที่ยวทาโรโกะแนะนำให้มานอนพักค้างคืนน่าจะทำให้แพลนการเดินทางนั้นสบายมากกว่า
เห็นทางด้านขวาบนมั้ยเอ่ย ?? สูงมากมาย ใครเดินไหวเชิญขึ้นไปเลยจ้า T 3 T Taroko นี่ใหญ่จังบางที
อันนี้เป็น Trail ที่เอิร์นได้ไปเดินมาค่ะ Lushui Trail
หลังจากที่พ้นออกจากบริเวณภูเขาได้แล้วจุดถัดไปที่เราจะแวะไปกันซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายรูป(วิว) แล้วได้งามมากๆ ซึ่งสิ่งที่งามคือสีฟ้าของทะเลแปซิฟิกนั่นเองค่ะ
มีบริเวณให้ถ่าย 2 ชั้นคือบริเวณที่รถจอดกับเดินลงไปด้านล่างจะได้วิวที่งามมากกว่า สำหรับใครที่มาช่วงฟ้าเปิดไม่มีเมฆแบบเราก็จะถ่ายมาได้อีกแบบ ส่วนตัวเรานั้นก็ถ่ายมาได้เป็นอีกอารมณ์อาจจะดูหว้าเหว่ ดูเหงาๆแต่ก็มีสีทะเลที่สวยงามมากมายค่ะ
ชื่อ Chungte Recreational Area อย่าลืมแวะกันด้วยนะคะ
ใกล้จะจบทริปการเดินทางของพวกเราแล้วล่ะค่ะ ที่นี่เป็นจุดสุดท้ายที่เราแวะกันก่อนจะขับเข้าตัวเมืองฮวาเหลียน อาจจะเป็นหนึ่งในจุดว๊าวของรัตน์เลยก็ได้
ท้องฟ้าของเราอาจจะไม่ได้โปร่งใส แถมมีเมฆสีดำก้อนใหญ่ปกคลุมอยู่เหนือทะเล แต่ก็ทำให้รูปนี้ดูสวยขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ
ไม่มีผ้าใบกาง ไม่มีคนขายของ มีแต่หินและน้ำทะเลสีฟ้าเขียวแบบนี้ เงียบสงบ
ก่อนที่จะจากกัน ก่อนที่จะเดินออกมาก็เจอลูกมะพร้าวหน้าตาเป็นตั๊กแตนแบบนี้ ซึ่งเกิดจากวิธีการกินมะพร้าวของคนไต้หวัน ซึ่งไม่เหมือนวิถีคนไทย แต่ใช้วิธีแอบซาดิสเล็กน้อย เอาสว่านมาเจาะรูแล้วใส่หลอดเข้าไปแบบนี้เลยอ่ะสิ *0*!
การเดินทางของเราจะเกิดขึ้นไมไ่ด้เลยต้องขอขอบคุณ HotelsCombined และสายการบิน EVA AIR ที่มีส่วนทำให้ทริปการเดินทางของเรานั้นเกิดขึ้นได้ค่ะ 😀 แต่การเดินทางของวันนี้ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้นะคะ พี่จุ๊บนำเราไปส่งที่ถนนคนเดินค่ะซึ่งมีสินค้าราคาถูกให้ช้อปเพียบเลยล่ะ แถมมีร้านเกี๊ยวเจ้าดังที่เราได้ไปลองชิมมาแล้วอยู่ด้วย ตามอ่านได้ ไดอารี่หน้าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ >,</ ใครสนใจเดินทางใน Hualien ติดต่อ ID nontaroj ได้เลยค่า
สำหรับใครที่อยากจะไปเที่ยวที่ Taroko ติดตามข่าวสารเรื่องหินถล่มได้ที่ :http://bit.ly/29eFBCR