เคยได้ยินกันมั้ยคะว่า การอ่านหนังสือทำให้คุณได้ท่องโลกกว้างและรู้จักโลกในหลากหลายมุมมากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆคือการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้ชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องที่คุณกำลังอ่านกันด้วย สำหรับรัตน์แล้วผู้หญิงคนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมกับหนังสือ (หนังสือการ์ตูน) เต็มบ้านไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือเท่าไหร่นัก แต่พอโตขึ้นมาอาจจะเพราะวุฒิภาวะเพิ่มมากขึ้น และเรายังกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เราไม่มีให้มากยิ่งขึ้นๆไป ทำให้ในช่วงอายุ 20 ปลายๆหนังสือเกี่ยวกับ การตลาด ธรรมมะ หนังสือพัฒนาตัวเอง จึงมีมาเข้าชั้นหนังสือแทนที่จะเป็นหนังสือการ์ตูน
ช่วงหลังที่ได้มีโอกาสได้รู้จักไต้หวันมากยิ่งขึ้น ทั้งจากเพื่อนที่เป็นชาวไต้หวันเอง หรือการได้มีโอกาสท่องเที่ยวในไต้หวัน เลยได้อ่านหนังสือท่องเที่ยวไต้หวันเยอะมากมาย หลังจากไปครั้งแรกก็ประทับใจก็อยากไปอีกเรื่อยๆๆ พออ่านหนังสือท่องเที่ยวต่างๆแล้วยิ่งทำให้รู้ว่า มีอีกหลายที่ที่รอให้เราไปและเรายังไม่เคยได้ไปเลย ยังไงต้องไปให้ได้นะ !!! อ่านแล้วต้องไปไม่งั้นก็ได้แต่อ่านรึเปล่าคะ
ระหว่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับครอบครัว ก็บอกที่บ้านไปว่า “รัตน์มีแพลนจะเดินทางไปไต้หวันนะเดือนมีนาคมช่วงปลายเดือน” คุณแม่ซึ่งเคยทำอาชีพหัวหน้าทัวร์ตั้งแต่สาวๆก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับลูกสาวคนนี้ที่ชีพจรไม่เคยอยู่กับที่ ต่างกับคุณพ่อที่ทำสายตาและท่าทางแปลกใจว่า ลูกสาวคนนี้ไปที่อื่นไม่เป็นหรือยังไง นอกจากไต้หวัน
จริงๆแรกเริ่มเดิมทีแล้วอยากจะไปเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แต่พอได้ไปสัมผัสเยือนไต้หวันแล้วนั้นก็ไม่อยากจะไปที่อื่นอีกเลย อาจจะแปลกๆไปหน่อยที่ต้องบอกว่า รัตน์เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว รวมถึงการศึกษาที่เรียนมาทางการท่องเที่ยวโดยตรงเลยก็ว่าได้ จึงทำให้เห็นโปรแกรมท่องเที่ยวทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ค่อนข้างจะมากผ่านตาเข้ามา ทั้งจากเพื่อนๆที่เป็นหัวหน้าทัวร์ และจากรุ่นน้องที่ต่างเดินทางไปญี่ปุ่น และเกาหลีใต้กันมากมาย ทำให้รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ใครๆก็ไปเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นกันง่ายๆดีนะ ต่างกับไต้หวันที่ไม่เห็นจะมีใครมาเล่าเรื่องราวให้เราฟังบ้างเลย หนังสือในชั้นหนังสือก็แทบจะไม่มี ทำให้การไปไต้หวันเป็นอะไรที่ท้าทายกำแพงจินตนาการของเรามากกว่าที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ทำไมถึงต้องกลับไปไต้หวันบ่อยๆ ทำไมไปแล้วแล้วก็ไปอีก
คนชอบท่องเที่ยวหลายคนอาจจะรู้คำตอบนี้อยู่แล้วก็ได้ค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ไต้หวัน เป็นที่อื่นก็ได้อ่ะ เชียงใหม่ เขาใหญ่ พัทยา หัวหิน ทำไมไปแล้วไปอีกได้ล่ะ ฮ่องกงอีก คนไทยชอบไปช้อปปิ้งที่ฮ่องกงกัน เพราะเดินทางชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว ไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้นะ บางทีการที่เราไปที่นั่นหนึ่งครั้งแล้ว เกิดความประทับใจขึ้นมา แล้วยังเที่ยวไม่หมด เที่ยวไม่สุด ก็อยากจะทำให้ต่อมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นทำงานน่ะสิคะ ก็อย่างที่บอกไปค่ะ เหตุผลง่ายๆที่รัตน์ไปไต้หวันคือ
เดินไปเรื่อยๆจากสถานี TaiPowerBuilding กำลังจะไป Hakka Cultural Park
1. ผู้คนน่ารัก
2. ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย
3. ตั๋ว Low Cost มาแล้ว จริงๆถึงไม่มีก็จะหาทางเก็บเงินไปค่ะ
4. สวรรค์ของคนรักคาเฟ่ต์
5. หาไอเดียเกี่ยวกับงานศิลปะ ของน่ารักจุ๊กจิ๊กทำมือเพียบ
ตลาดซือต้าที่สถานี TaiPower Building เป็นที่รวมเหล่าวัยรุ่น มหาวิทยาลัยมีผู้คนมากมายหนุ่มๆสาวๆ รวมถึงร้านกาแฟมากมาย
เดินมาจาก Hakka Cultural Park เดินมาเรื่อยๆจะเห็นวิวสวยๆแบบนี้เลยค่ะ แต่กลัวหลงทางถ้าเดินต่อไปข้างหน้าเลยเดินกลับดีกว่าร้อนด้วย
6. แชร์ประสบการณ์เที่ยวไต้หวันกับเพื่อนๆที่ไทยและแฟนเพจ
7. ค่าเงินไต้หวันเท่าๆกับไทยไม่ต้องมานั่งคำนวนเงินใหม่
8. ไปหาเพื่อน
9. ไปขึ้นเขาในเมืองใหญ่ ชมธรรมชาติ จิบชาและฟังเสียงนกร้อง
10. ไปรับลมเย็นๆจากทะเล
11. ไปดูหนุ่มๆสาวๆหน้าตาดีๆ แหม่ คนโสดก็ชมอาหารตาไปเรื่อยค่ะ
12. อัพเดตแฟชั่นที่เร็วกว่าไทยถึง 3-4 เดือน
13. การเดินทางสะดวกและง่าย
การเดินทางภายในไทเป นั่งรถไฟฟ้าเอาก็ได้ง่ายๆไปทุกถนนมุมเมืองเลยล่ะ
ถ้าหากว่าย่อเมืองไทยลงให้เล็กลงนั้นก็จะเทียบได้กับไต้หวันเลยก็ว่าได้ ไต้หวันแค่เมืองไทเป เค้ายังมีทะเล-ภูเขา-ช้อปปิ้ง – วัด คือมีทุกอย่างเหมือนที่ไทยแต่ถูกย่อให้เล็กลงและอยู่ในเมืองเดียวเลย ไม่ต้องถามเลยทำไมลูกสาวคนนี้ถึงไปไต้หวันประจำไม่มีเบื่อ เพราะดันตกหลุมรักไต้หวันด้วยความน่ารักของเมืองนั้นไปเต็มๆเลยล่ะสิ
ไปครั้งนี้ได้นัดกับซันจ้าด้วยค่า เจอกันที่ซีเหมินติง ร้านประจำที่รัตน์ชอบว่าแต่มันชื่ออะไรนะ Somebody Cafe ค่ะ
หลังจากไปกลับมารอบที่ 4 ตะลุยเดี่ยว ในวันที่ฝนตกและอากาศเย็น (แต่ข้างล่างอุ๊นอุ่นจนต้องถอดเสื้อกันหนาวออก)