ไต้หวันสวรรค์ของนักชิม นักกิน เชื่อว่าใครที่ชอบกินจุบจิบ กินทั้งวัน มาไต้หวันแล้วกินเพลินๆจนลืมนึกถึงน้ำหนักได้เลยทีเดียวค่ะ สำหรับ อาหารไต้หวัน ก็มีหลากหลายประเภทกันไป ที่โด่งดังทำให้คนทั่วโลกต้องจองตั๋วเครื่องบินมาเที่ยวคงจะหนีไม่ได้กับ Street Food อาหารข้างทางตามตลาดกลางคืน (Night Market) ที่สามารถสะกดสายตา และปากท้องของคนทั่วโลกเอาไว้ได้รวมถึงโพสนี้อยากแนะนำนอกจากจะแนะนำ Snack ในตลาดกลางคืนแล้ว ยังรวมถึง Food และร้านอาหารที่น่าสนใจที่ได้รับ Michelin Star หรือเชฟ Michelin Star มาเปิดร้านของตัวเองที่ไต้หวันก็มี
ก่อนเราจะไปดูกันว่ามีอะไรบ้างต้องขอเล่าให้ฟังก่อนว่าทางไต้หวันเวลาทำอาหารนั้นจะมีรสชาติอ่อนกว่าที่คนไทย ฮ่องกงทำอาหาร ทำให้ในบางครั้งคนไทยไปแล้วกลับมาจะบอกว่า “อาหารไต้หวันเหรอ ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน จืดๆ มันๆ” เพราะรากฐานของอาหารไต้หวันนั้นก็มาจากจีนแผ่นดินใหญ่เหมือนกันนั่นแหละค่ะ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของคนไต้หวัน ตอนที่ท่านนายพลเจียงไคเช็คขึ้นฝั่งมาตั้งรกรากที่นี่ ดังนั้นสำหรับท่านใดที่ชอบทานอาหารรสจัดจ้าน เข้มข้น ลองพกแม็กกี้หรือซีอิ๊ว น้ำจิ้มซีฟู๊ดไปด้วยค่ะ รสชาติอาหารจะดีขึ้นเลยล่ะ เอาล่ะตามไปดูกันได้เลยว่ามีอะไรบ้างค่ะ
หมวดหมู่อาหาร
-
- หลูวโล่วฟ่าน 滷肉飯 : ข้าวหน้าหมูพะโล้ที่มีกลิ่นคล้ายๆกับไข่พะโล้บ้านเรา แต่เครื่องเทศไต้หวันขอบอกเลยว่าจัดเต็มสุดๆ ขนาดหมูพะโล้ที่แม่ทำที่บ้าน (ใส่เครื่องเทศหนักมากๆ) ยังสู้กลิ่นพะโล้ของไต้หวันไม่ได้เลย และประเด็นมันอยู่ที่เนื้อหมูสามชั้นที่มีความนุ่มละมุน เพราะผ่านการเคี่ยว ต้มเป็นเวลานานค่ะ เป็นอาหารจานที่เพื่อนๆต้องไปลอง อยากลองร้านไหนก็ลองเลย !! เห็นคนเข้าคิวเยอะๆนั่นแหละอร่อยแน่นอน
- บะหมี่เนื้อ 牛肉麵 : ไหนใครไม่ทานเนื้อ (แบบเรา) บ้าง ขอบอกว่าพลาดของอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ เพราะเวลาเรามาเที่ยวแล้วเจอเพื่อนคนไต้หวัน เค้าต้องถามเลยเธอทานเนื้อหรือเปล่า อ้าวแย่เลย เธอพลาดของอร่อยแล้วมานี่ต้องบะหมี่เนื้อเลย ด้วยความนุ่ม และเส้นนุ่มๆของบะหมี่ ทำให้ผสมผสานรสชาติออกมาได้อย่างลงตัวค่ะ
- แพนเค้กหอยนางรม 蚵仔煎 : หน้าตาอารมณ์ประมาณอ่อส่วนค่ะ แต่ที่นี่จะนำไปผสมกับแผ่นแป้ง รวมถึงเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อชนิดหนึ่งที่ห้ามพลาดด้วยค่ะ
- บะหมี่หอยนางรม 蚵仔麵線 : ถ้าพูดถึงแพนเค้กแล้วก็ต้องพูดถึงบะหมี่หอยนางรมด้วยพลาดดไม่ได้เลย รสชาติจะคล้ายๆราดหน้าบ้านเรา เนื้อสัมผัสจะคล้ายกันต่างกันที่มีเนื้อหอยนางรมอยู่ในน้ำซุปนี่สิ แหม่ อะไรมันจะเคี้ยวได้เพลินๆ กับเส้นบะหมี่กรุบๆ ไม่มีอีกแล้วล่ะ
- แพนเค้กต้นหอม 蔥抓餅 : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ที่นี่เค้านิยมทานต้นหอมกันนะ แหล่งต้นหอมอยู่ที่เมือง Yilan ใกล้ๆไทเปนี่เอง บางร้านอาหารอาจจะดัดแปลงใส่ไส้ต่างๆด้วยค่ะเช่น ไส้เห็ด ไส้แฮม ใส่หมูสับด้วย ฯลฯอีกมากมาย ส่วนรสชาติก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน
- Hot Pot 麻辣火鍋 : อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างที่เพื่อนๆพลาดไม่ได้ ต้องมาทานที่นี่ เคยลองถามเพื่อนๆชาวไต้หวัน ทำไมที่นี่ถึงนิยมทาน Hot pot Shabu อะไรประมาณนี้จัง ได้คำตอบมาว่า ก็เวลาหนาวก็ต้องเข้าร้าน Hot Pot ใช่มั้ยล่ะ ?? อ้าวแล้วเวลาหน้าร้อน เราก็เห็นคนเต็มร้านอยู่เหมือนหน้าหนาวนะ ได้คำตอบมาว่า มันได้กินกันพร้อมหน้าดี ล้อมวงตักกิน (อืม…… ก็หาเหตุผลได้อ่ะนะ) ร้านหม้อไฟมีหลากหลายร้านให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบ Buffet คุ้มๆ ที่เห็นชาวไทยไปกินก็คงที่ซีเหมินที่มีไอศครีม Hagendaz ส่วนที่ไต้หวันถ้าดังเรื่อง Hot Pot จริงๆต้องไปที่เมือง Taichung (ไถจง) นะคะ
-
Ban tiao (粄條) : เส้นบะหมี่ที่มีเอกลักษณ์ของไต้หวัน เป็นเส้นแบนแบบเส้นเล็ก แต่หนาเหมือนเส้นใหญ่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ชาวจีนแคะเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาค่ะ โดยเราจะเห็นเส้นแบบนี้ได้ทั่วไปถ้าเราสั่งก๋วยเตี๋ยวผัด (เคยเห็นกันมั้ยที่มันๆ)
- Dan Zai Noodle(擔仔麵 dānzǎi miàn) : เราเรียกว่า ตั้งใจเมี่ยน (เรียกง่ายดี) เป็นบะหมี่ที่ขึ้นชื่อของไถหนาน จังหวัดหนึ่งที่เคยเป็นเมืองหลวงของไต้หวันมาก่อนไทเป ส่วนใหญ่เมืองไถหนานจะมีชื่อกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และฝั่งตะวันตกค่ะ ใครสนใจลองมาเที่ยวได้นะ
- โจ๊ก-ข้าวต้มปลานวลจันทร์ทะเล (Milk Fish Congee) 虱目魚粥 : ถ้านึกถึงอาหารไทยแล้วก็เหมือนข้าวต้มปลากระพงประมาณนั้นค่ะ ปลานวลจันทร์ทะเลเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของไต้หวันเค้าเลยนะคะ ในไทยก็มีอยู่เหมือนกันทางฝั่งชุมพรประมาณนี้ ทางไต้หวันก็นำไปทำเป็นข้าวต้มเอย โจ๊กเอย แล้วผสมใส่หอยรางนมเข้าไปด้วยในบางเมนูค่ะ เมนูแบบนี้จะมีเยอะที่ไถหนาน เกาสง ใครมาไต้หวันแล้วลองหาทานกันนะคะ
- บ๊ะจ่าง 肉粽 : จริงๆแล้วดูไม่เหมือนมื้ออาหารซักเท่าไหร่ แต่ก็ใส่ลงจานเหมือนกัน เป็นข้าวเหนียวใส่เนื้อสัตว์ เห็ด ไข่แดง เป็นที่นิยมมากที่ไต้หวัน เรียกได้ว่าบ้านเรามีเทศกาลบ๊ะจ่าง ไต้หวันก็มีเหมือนกันค่ะ และมีหลากหลายรสชาติให้เลือกด้วย จำได้ตอนที่ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Vision Thai ไป มีคำถามหนึ่งที่ถามมาว่า อยากกินอะไรที่ไต้หวัน คำตอบก็เป็นบ๊ะจ่างนี่ล่ะค่ะที่อยากจะกินมาก แอบจำได้รอบแรกที่เดินทางไปไต้หวันคนเดียวเมื่อหลายปีก่อน ลงไปที่ 7-11 มีเมนูบ๊ะจ่างเต็มไปหมด หน้าตาน่าทานมากๆค่ะ เพราะมีหลากหลายรสชาติ ใครไปช่วงเทศกาลอย่าลืมซื้อกลับมาฝาก หรือชิมแทนเราทีนะคะ
- หลูวโล่วฟ่าน 滷肉飯 : ข้าวหน้าหมูพะโล้ที่มีกลิ่นคล้ายๆกับไข่พะโล้บ้านเรา แต่เครื่องเทศไต้หวันขอบอกเลยว่าจัดเต็มสุดๆ ขนาดหมูพะโล้ที่แม่ทำที่บ้าน (ใส่เครื่องเทศหนักมากๆ) ยังสู้กลิ่นพะโล้ของไต้หวันไม่ได้เลย และประเด็นมันอยู่ที่เนื้อหมูสามชั้นที่มีความนุ่มละมุน เพราะผ่านการเคี่ยว ต้มเป็นเวลานานค่ะ เป็นอาหารจานที่เพื่อนๆต้องไปลอง อยากลองร้านไหนก็ลองเลย !! เห็นคนเข้าคิวเยอะๆนั่นแหละอร่อยแน่นอน
จริงๆแล้วยังมี อาหารไต้หวัน อีกมากมายที่รอให้เพื่อนๆได้ไปทานกันค่ะ พาร์ทแรกเป็นส่วนของอาหารแล้วถ้าเป็นส่วน Street Food ล่ะจะมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ ลองตามไปดูกัน สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่เคยไปแล้วคงจะมานั่งลิสกันเลยทีเดียวใช่มั้ยว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใครยังไม่ได้ไปลิสไว้เลยค่ะว่าทุกอย่างในนี้กินได้หมดเลยล่ะ !!
Street Food and etc.
- ไก่ทอด HOT STAR : ไก่ทอดเจ้านี้ถึงกับได้ลงในเว็บ Street Food ไต้หวันที่ห้ามพลาดทีเดียวเชียว เพราะเนื้อนุ่มๆ ไก่ชิ้นหนาๆ โรยผงพริก ผงพะโล้(เค็มๆ) เล็กน้อย สังเกตุได้จากจำนวนคนที่ยืนต่อแถวรอซื้อค่ะ ซึ่งตอนนี้ที่ไทยก็มีการนำเข้าจำหน่ายแล้วในลักษณะคาเฟ่ต์มีสไตล์ด้วยล่ะจ๊ะ สาขาออริจินัลอยู่ที่ตลาดซื่อหลิน ไทเปค่ะ
- ไข่ต้มใบชา : ไข่ต้มใบชา เป็นที่นิยมสุดๆที่ไต้หวัน ไข่ถูกใบชารมควันรวมต้มไปเรียบร้อยทำให้มีความหอมมากมายค่ะ โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
- ไส้กรอกไซส์ยักษ์ : โดยสามารถหาซื้อได้ตามตลาดกลางคืนโดยทั่วไปเลยค่ะ ดูผ่านๆแล้วหน้าตาก็จะเหมือนกุนเชียงเพราะด้วยสีแต่รสสัมผัสของไส้กรอกที่นี้นั้นแตกต่างจากไทยเลย ต้องมาลองเอง
- หลูเว่ย : บางตลาดอาจจะมี บางตลาดก็อาจจะไม่มีค่ะสำหรับหลูเว่ย เป็นการนำเครื่องในไปต้ม โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเครื่องในตัวไหนบ้างแล้วยกให้คนทำ ทำหลูเว่ยให้ทานค่ะ
- เต้าหู้เหม็น : มาถึงไต้หวันก็ต้องลองเต้าหู้เหม็นค่ะ จุดสังเกตุว่าแถวนั้นมีเต้าหู้เหม็น ลองดมๆดูตามอากาศจะมีกลิ่นเหมือนน้ำเน่า ถังขยะลอยมายังไงยังงั้น เป็นไปได้ว่า ด้านหน้าเดินไปอีกจะเจอเต้าหู้เหม็นล่ะจ๊ะ
- ไอศครีมถั่วใส่ผักชี : เป็นไอศครีมขนมอย่างนึงที่ภูมิใจนำเสนอในความเข้ากันได้อย่างลงตัวของ ของหวาน และผักชี รวมถึงโรบถั่วอีกต่างหากแหนะ OMG !! แบบนี้ต้องลองมาชิมเองแล้วล่ะค่ะ
- สตรอเบอร์รี่ พุทรา เสียบไม้ : เป็นสตรอเบอร์รี่ และพุทราเชื่อมเสียบไม้ที่มีความกรอบนอก และด้านในนุ่มๆ ใครที่พาเด็กมาก็สามารถลองซื้อเจ้าของทานเล่นนี่ให้เด็กๆดูได้เลยค่ะ
- กวาเปา หรือแฮมเบอร์เกอร์สไตล์ไต้หวัน : หน้าตาก็เหมือนเอาหมั่นโถวมาผ่ากลางแล้วใส่ไส้ด้านในทีนิยมก็เป็นไส้หมูสามชั้นนุ่มๆนี่เลยค่ะ
- น้ำไข่กบ , ชานมไข่มุก, น้ำมะนาว : พบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดกลางคืน น้ำไข่กบ เป็นน้ำมะนาวด้านในใส่วุ้นค่ะ ชานมไข่มุกอยากทานเจ้าไหนก็เลือกเลย และน้ำมะนาวพบเห็นเยอะมากที่ซื้อหลินและตลาดใหญ่ๆ
- ซาลาเปาอบโอ่ง : เป็นซาลาเปานี่แหละ เอาเข้าไปในโอ่งอบให้เกรียมอีกครั้งแล้วนำขึ้นมาขายเป็นซาลาเปาเนื้อ และซาลาเปาไส้หมูสับค่ะ
- ข้าวเหนียวห่อไส้หรอกสไตล์ไต้หวัน : เชื่อว่าหลายๆคนที่เดินตลาดกลางคืนจะได้เจอเมนูนี้ค่ะ เป็นข้าวเหนียวปรุงรส และด้านในเป็นไส้กรอกชิ้นเล็กสไตล์ไต้หวันค่ะ
- บ้าหวัน Taiwanese Meatball : ไม่รู้จะแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี เป็นห่อแป้งหนุบๆ ด้านในเป็นไส้หมูสับค่ะ หาได้ตามตลาดที่ไถหนาน หรือร้านที่ไถหนานค่ะ ส่วนที่ไทเป หาเจอได้ที่ถนน Yongkang (Dongmen MRT ทางออก 5)
- ปลาหมึกทอด ย่าง ฯลฯ : อีกหนึ่งเมนูที่น่านำมาถือที่มือคือปลาหมึกทอดใหญ่ๆค่ะซึ่งก็หาเจอได้ที่ตลาดกลางคืนทั่วไปเช่นกัน
- สเต็กเนื้อ ย่างสดๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ : เมนูนี้คนไทยชอบกันค่ะ และมีหลากหลายร้านด้วยเป็น Stall ให้เพื่อนๆได้ลองเลือกชิมกันได้เลยค่ะ
- ซูชิกล่อง + ร้านซาซิมิ + ข้าวหน้าซาซิมิ: หลายๆคนอาจจะทราบว่าไต้หวันอยู่ห่างจากญี่ปุ่นไม่ไกล ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นของออริจินัลจากญี่ปุ่นก็เถอะ แต่คนไต้หวันเองเค้าก็ได้รับเอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเต็มๆในเรื่องการกิน ถึงแม้ว่าเกาะไต้หวันจะยังพูดภาษาจีนอยู่ก็เถอะ ซูชิที่นี่มีราคาไม่แพงมาก และคุณภาพก็ดีตามมาตรฐานของรัฐบาลด้วยค่ะ ซึ่งอาหารญี่ปุ่นไต้หวันมีราคาค่อนข้างคล้ายบ้านเรา แตกต่างกันแค่ปริมาณค่ะ ยกตัวอย่างเช่น สั่ง แซลม่อนซาซิมิมาในราคา 350 บาท เราจะได้แซลม่อนชิ้นบางๆเพียง 5 ชิ้น แต่ถ้ามาที่ไต้หวันบางร้านคุณจะได้แซลม่อนชิ้นหนาๆ คุ้มสุดๆ และมีร้านข้าวหน้าปลาต่างๆอีกต่างหากที่ราคาประหยัดมากมาย
จริงๆแล้วยังมีอาหารในตลาดกลางคืนอีกมากมายเลยค่ะให้เพื่อนๆได้ลองเลือกเดินดูกันค่ะ รวมถึงแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตามแต่ละท้องถิ่นอีกด้วยค่ะเช่นถ้าไปเกาสง เราจะเจอตลาดกลางคืนที่เต็มไปด้วยอาหารทะเล ไปอี้หลานจะเจออะไรอะไรก็ต้นหอม ไปไถจง เริ่มมีกุ้งย่างให้หม่ำแล้วนะและอีกมากมาย
ของหวาน
พอเริ่มตัวแตกที่ของคาว กระเพาะฝั่งของหวานก็ยังว่างอยู่ มาแนะนำของหวานที่น่าสนใจที่เราจะเจอที่ไต้หวันกันดีกว่าค่ะ มีใครกินครบแล้วบ้างเอ่ย อย่าลืมไปเพิ่มลงในลิสนะคะ
1. ไอยูเจลลี่ – เจลลี่ถ้วยที่เป็นวุ้นๆมีกลิ่นหอมนิดๆ ด้านบนราดน้ำมะนาว เพื่อให้รู้สึกสดชื่นเหมือนฤดูร้อนยังไง ยังงั้น
2.น้ำแข็งใสเกล็ดหิมะ – สำหรับใครที่เคยไปลองทานดูแล้วจะรู้ว่าเนื้อสัมผัสของตัวน้ำแข็งนั้นแตกต่างจากที่ไทยขาย โดยที่ไต้หวันจะผสมนมลงไปในน้ำแข็งเพื่อเพิ่มรสชาติ และยังมีส่วนผสมอื่นๆอีกที่ทำให้มีรสชาติอร่อยแบบนี้ค่ะ ร้านดังๆคงหนีไม่พ้นร้านที่ถนน Yongkang ไทเปนั่นเองค่ะ จริงๆแล้วก็มีที่ร้านอื่นด้วยนะ
3. น้ำแข็งใสสไตล์ไต้หวัน – ใส่บัวลอย ใส่เยอะแยะมากมาย เฉาก๊วย รวมถึงยังใส่ธัญญาพืชต่างๆอีกมากมาย บางร้านใส่โมจิก็มีค่ะ
4. พุดดิ้งเต้าหู้ – อาหารขึ้นชื่อก็คือเต้าหู้ ทำมันแทบทุกอย่างแล้ว นำไปเป็นท้อปปิ้งน้ำแข็งใสก็แล้ว ถึงตาทำให้เป็นพุดดิ้งดูบ้าง ใครเป็นแฟนของเต้าหู้ก็ลองดูได้เลยค่ะ
5. โมจิ – เฮ้ยใครจะนึกว่าไต้หวันก็มีโมจิเหมือนกันนะ ซึ่งก็มีรสต่างๆมากมายไว้ให้ลองชิมทีเด็ดของต้องเป็น วาราบิ โมจิ ที่เป็นแป้งโมจินุ่มๆคลุกด้วยงาน้ำตาลทรายแดง (แหม่ ถ้ามีไซรัป กับไอศครีมอร่อยแน่นอน) ร้านโมจิแนะนำคือ วากาชิชูชินโบจ๊ะ
6. ไอศครีมถั่วผักชี – เรียกได้ว่าต้องกินกันเลยทีเดียวสำหรับขนมตัวนี้ หาเจอได้ตามร้านตลาดกลางคืนค่ะ
7. ขนมถั่ว – ถ้าจะให้บอกก็เป็นขนมแบบจีนนี่แหละค่ะ เอาไว้ทานคู่กับนน้ำชา แต่ของไต้หวันบางร้านที่มีก็เป็นขนมถั่วแบบเย็นๆทานแล้วทำเอาคนที่ไม่ชอบขนมจีนๆแบบเราหลงรักไปเลยทีเดียว (หาซื้อได้ตามร้านขายของฝาก)
8. ขนมเค้กพายสับปะรด – มาพูดถึงขนมขึ้นชื่อของไต้หวันกันดีกว่า หลายๆคนก็เห็นว่าเป็นของฝาก จริงๆแล้วก็เป็นขนมอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ เหมาะมากกับการทานคู่กับน้ำชา
9. ขนมพระอาทิตย์ – ไท่หยางปิ่ง แป้งพายกรอบนอกนุ่มในมีไส้นมๆด้านใน เหมาะกับคนรุ่นใหม่อย่างจริงจังเพราะไม่ได้มีแต่แป้งอย่างเดียวค่ะ หาซื้อกันได้ง่ายๆตามร้านของฝากเลยค่ะ
10. ซอฟครีม – เป็นสิ่งที่ห้ามพลาดอย่างรุนแรง ตาม 7-11 แฟมิลี่ที่ไต้หวัน ยกขบวนพาเหรดซอฟครีมรสชาติต่างๆปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลอยู่เรื่อยๆ เหมือนไปสะสมแสตมป์ล่ารสชาติเลยล่ะค่ะ (อันนี้ดูน่าสนุกมากกว่า) แต่ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งเช่นกันนะคะ
11. ฮันนี่โทส – ก่อนที่ไต้หวันจะบูมมากมายขนาดนี้ หนังสือท่องเที่ยวไต้หวันเล่มแรกๆได้มีการแนะนำเอาไว้ด้วยค่ะว่าฮันนี่โทสเป็นขนมที่น่าสนใจ และน่าไปลองที่ไต้หวัน โดยมีร้านแนะนำมากมายให้ลองทานค่ะ สำหรับเราจริงๆแล้วฮันนี่โทสนั้นมาจากญี่ปุ่น แต่ของไต้หวันนั้นชิ้นยักษ์มากมาย เป็นแบบกรอบไม่ใช่นุ่มๆแบบบ้านเราค่ะ + ใส่ผลไม้ลงไปเพิ่มรสชาติเข้าไปอีก รวมถึงบางร้านทำไอศครีมโฮมเมดยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ ร้านแนะนำ R9 Cafe ร้าน Dazzling Cafe ที่ไทเปเมนสเตชั่นชั้นบนๆค่ะ จริงๆเจอร้านไหนก็ลองกันดูได้ค่ะ
12.วาฟเฟิล – บางทีก็แปลกใจเหมือนกันค่ะว่าคนไต้หวันเค้าชอบกินพวกแป้งๆมากมายเลย วาฟเฟิลถึงแม้จะไม่ใช่ขนมดั้งเดิมของไต้หวัน แต่คาเฟ่ต์ที่ไต้หวันก็นำมาทำให้ดูมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นโดยการใส่ ผลไม้ ท้อปปิ้งอีกมากมาย สว่นร้านดังที่คนเข้าแถวยาวมากๆคงหนีไม่พ้นร้าน 米朗琪咖啡館 Melange Cafe เราเคยจะไปลองเข้าแถวเหมือนกัน แต่ลองจินตนาการดูนะคะ คิวยาวมาก เหมือนรอคิวชาบูที่ต้องรอเรียกคิว เลยเปลี่ยนไปทานร้านอื่นที่อยู่ตรงข้ามแทนค่ะ ร้าน Monteur ซึ่งจริงๆแล้วเพื่อนๆอยากลองทานร้านไหนดูก็ได้นะคะแล้วแต่ความชอบเลย
สำหรับท่านใดที่เพลิดเพลินใจกับอาหารที่ตลาดกลางคืนเรียบร้อย อีกวันอยากจะใส่เดรสสวยๆ แต่งตัวดีๆเข้าไปจิบไวน์ดูบ้างที่ร้าน Michelin Star หรือร้านที่มีเชฟที่เคยทำงานที่ร้าน Michelin Star ลองตามมาได้เลยค่ะ +ร้านที่ติดท็อป 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย
1. LA FESTA
http://www.grandvictoria.com.tw/en/
ร้านตั้งอยู่ภายในโรงแรม Grand Victoria Taipei ค่ะ ข้างๆกับภัตตาคาร 100 ล้านนั่นแหล่ะค่ะ ลงรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล สถานี Jiannan ที่มี Miramar (ทางออก 3 ค่ะ)
ร้านอาหารอีตาเลี่ยนที่เปิดโดยเชฟที่ได้รางวัล Michelin มา 1 ดาวจ๊ะ โดยให้บริการเซ็ตอาหารกลางวัน – อาหารเย็น และสามารถสั่งแบบ A LA CARTE ได้ด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่อยากมาอย่าลืมแต่งตัวแบบ Smart Casual ด้วยนะคะ ทางโรงแรมไม่อนุญาตให้แต่งตัวสบายๆเดินเข้าไปค่ะ
วันเวลาในการเปิดปิด:
Breakfast:6:30~10:00 (Weekend 6:30~10:30)
Lunch:12:00~15:00 (Weekend 11:30~15:00)
Afternoon Snack:15:00~17:00
Dinner:18:00~22:00 (Weekend 17:30~22:00)
Late night:22:00~24:00
2. S.T.A.Y. By Yannick Alléno
เชฟ Yannick Alleno เป็นอีกหนึ่งท่านที่ได้รับ Michelin Star ซึ่งได้มาถึง 3 ดาวเลยด้วยพื้นภูมิลำเนาเดิมคือที่ฝรั่งเศสร้านนี้เข้าถึงได้ง่ายหน่อยค่ะ เพราะตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของตึก เวลาอาหารเที่ยงเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 12:00 PM / เวลาอาหารเย็นเริ่มต้นตอน 18:00 น. ค่ะ รวมถึงเชฟมีเปิดโซนของหวานด้วย เปิดตั้งแต่เวลา 11:00-21:30 น. (วันเสาร์อาทิตย์ปิด 22:00 น.) ด้วยความที่เชฟเป็นคนฝรั่งเศสดังนั้นเราจะได้ลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสกันค่ะ นอกเหนือจากที่จะได้ลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสจากร้านที่เชฟได้ Michelin Star มาตั้ง 3 ดวงแล้วนั้นใครที่ชื่นชอบศิลปะการตกแต่งจานอาหารแล้วล่ะก็ห้ามพลาดร้านนี้เลยค่ะเพราะว่า มีการตกแต่งที่เรียบง่าย Simple แต่สวยงามมากๆ นำภาพเมนูจากทางร้านมาให้ชมกันค่ะ
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/stayandsweetteataipei/
Website : http://www.staytaipei.com.tw/
3. YEN Chinese Restaurant – W Taipei
ร้านอาหารจีนที่มีกลิ่นอายตะวันตกจากเชฟที่เคยทำงานในร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Star มาแล้วในฮ่องกง และในมาเก๊า เมื่อมาที่ไทเป W Taipei ก็ได้ริเริ่มรังสรรค์อาหารอร่อยให้พวกเราทานกันค่ะ สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบอาหารฮ่องกงแล้วล่ะก็อยากให้ลองมาที่นี่ดูส่วนใหญ่เมนูและราคาอาหารที่อยู่ในหมวดหมู่ร้านนี้จะอยู่ในระดับราคาขั้นต่ำ 600 เหรียญขึ้นไปค่ะใครอยากจะจองให้เจ้านายมานั่งคุยงานสบายๆพร้อมรับประทานอาหารค่ำชมวิวสวยๆต้องไม่พลาดที่นี่แน่นอน
เห็นการตกแต่งที่สวยแบบนี้แล้วบางท่านก็อาจจะอยากรีบจองไปเลยทันที
เลยเอาเบอร์โทรศัพท์มาให้จองกันเลยทีเดียวพร้อมอีเมล์ค่ะ
CALL: 886 2 7703 8887
EMAIL: BF.TAIPEI@WHOTELS.COM
การเดินทางไปยังโรงแรม W HOTEL ให้นั่งรถไฟฟ้าสายสีฟ้า (BannanLine)
ไปที่สถาน Taipei City Hall เดิน 7 นาทีถึงค่ะ
4. L’Atelier de Joël Robuchon
เรายังไม่จบกับร้านที่มีเชฟ Michelin Star เป็นคนมาเปิดที่ไต้หวัน อย่างร้าน L’Atelier de Koel Robuchon ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ เชฟ Joel Robuchon อยากนำเสนออาหารฝรั่งเศสให้คนไต้หวัน และนักท่องเที่ยวได้มาลิ้มลองกันค่ะ จะว่าไปแล้วร้านนี้ก็มีเปิดที่ไทยด้วยนะคะ(กรุงเทพฯ) ต้องบอกว่าทั่วโลกถึงจะถูก รวมถึงเป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่บริเวณสถานี Taipei City Hall ค่ะ โดยเพื่อนๆสามารถเดินออกมาที่ทางออก 3 แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆเลี้ยวขวา พิกัด : ตามนี้ โดยเชฟมีรางวัลการันตีคุณภาพความอร่อย Michelin Star ถึง 3 ดาวด้วยกัน
วันเวลาที่เปิดปิด : 11:30AM–2:30PM, 6–10:30PM
ตั้งอยู่ในอาคาร BELLAVITA寶麗廣場 ชั้น 5
Facebook : www.facebook.com/LatelierdeJoelRobuchonTaipei
5. RAW
ร้านของเชฟ André Chiang ซึ่งก่อนจะมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง เคยทำงานอยู่ในร้านอาหารที่ได้รับ Michelin Star ถึง 3 ดาวด้วยกัน พอฝึกฝีมือเรียบร้อยก็ต้องกลับมาเปิดร้านที่นี่ และร้านนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารที่จองยากที่สุดในไทเปอีกด้วย ร้านนี้ให้บริการอาหารแบบที่ว่าใช้วัตถุดิบจากไต้หวัน แต่จะทวิสเล็กน้อยให้มีความโมเดิร์น ร้านนี้ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่คนมาเพื่อเสพงานศิลป์ค่ะ เพราะด้วยการตกแต่งด้วยแล้วก็กินขาดไปเลยก็ว่าได้ รวมถึงยังติดหนึ่งใน 50 ร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ไหนๆก็ไหนๆ มาดูรูปจากทางร้านเลยดีกว่า
รีวิวเพิ่มเติมหน้าตาอาหารไปดูได้ที่ : คลิกเบาๆ
วันเวลาเปิด-ปิด : วันพุธ – อาทิตย์
Lunch: 11:30 am – 2:30 pm
Dinner: 6:00 pm – 10:00 pm
(ปิดวันจันทร์ – อังคาร)
พิกัด : https://goo.gl/maps/uhyodxZLwMT2
ลงสถานี Jiannan Road ทางออก 3 เหมือนเดิมค่ะ ร้านจะอยู่ด้านหลังโรงแรม Grand Victoria อีกที
Website : http://www.raw.com.tw/
6. Le Moût
สุดท้ายพาเพื่อนๆออกนอกไทเปบ้างมาที่เมืองไถจง เมืองทางภาคกลางของเกาะไต้หวันค่ะ โดยพามาร้านของเชฟผู้หญิงคนเก่งที่ได้รับรางวัล Veuve Clicquot Asia’s Best Female Chef award รวมถึงยังได้ชื่อว่าเป็น One Of Asia Leading Chefs อีกต่างหาก ร้าน Le Mout ของเชฟ Lanshu Chen ซึ่งเรียนจบจากสถาบันอาหารชั้นนำของโลกอย่าง Le Cordon Bleu cookery school ในฝรั่งเศส และยังได้ทำงานในร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นนำอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแค่นี้ก็รับประกันคุณภาพของอาหารได้แล้วล่ะ โดยสไตล์ของอาหารที่เธอตั้งใจนำเสนอให้ผู้ที่มาลองชิมนั้นคือแบบ ฝรั่งเศสสมัยใหม่
สามารถดูบรรยากาศภายในร้านเพิ่มเติมได้ที่ไฟล์ Youtube
พร้อมทั้งให้เชฟสาวคนเก่งเล่าเรื่องร้านอาหารของเธอให้ฟังด้วยยค่ะ (ซึ่งฟังไม่ออกดูอย่างเดียว)
เวลาทำการ : 11:30AM–2:30PM, 6–10PM (ปิดทุกวันจันทร์)
Website : https://www.relaischateaux.com/
Facebook : https://www.facebook.com/relaischateaux.asia/
พิกัดการเดินทาง : จิ้มเบาๆ
หมดแล้วจ้าเท่าที่จะหาข้อมูลมาให้เพื่อนๆได้
ซึ่งจริงๆแล้วที่ไต้หวันยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่มีเชฟที่ได้รับ Michelin Star ซุกซ่อนอยู่ค่ะ
และยังมีอีก 2 ร้านคือ Din Tai Fung ซึ่งมีสาขามากมายทั่วโลก ก็ได้รับ Michelin Star เช่นกัน
รวมถึง Tim Ho Wan ร้านดังจากฮ่องกงที่มาเปิดตรงข้ามกับสถานี Taipei Main Station ก็เป็นร้าน Michelin ด้วยค่ะ
โพสนี้แอบขอไม่แยกข้อมูลนะคะ จริงๆแล้วยังมีของหวานหรือขนมอีกยังไม่ได้อัพรูปขึ้นไป รูปทั้งหมดถ้าไม่ได้เครดิตถ่ายเองทั้งหมดอาจจะเบลอบ้างต้องขออภัยค่ะ
ยังไงไว้ติดตามกันได้เหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณค่ะติดตามอ่านเช่นเคย สวัสดีค่ะ