เอล่ะค่ะวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังสาระวนเที่ยวอยู่ในตัวเมืองไทเปก็ว่าได้ เป็นครั้งแรกได้เจอคุณพี่นิดคนสวยที่นัดแนะมาเจอกันแถวๆ Taipei Main Station พี่สาวคนสวยบอกจะไปไหนไป เดี๋ยวเป็นล่ามให้สบายๆ ดีจุงเบย เลยวันนี้ไปที่ ซินเป่ยโถวค่ะ เพราะรอบที่แล้วเคยลองไปที่อู่ไหลมาแล้ว ซึ่งก็ประทับใจเช่นกัน แต่ที่นี่เดินทางงง่ายกว่า นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Beitou สายสีแดง แล้วมาเปลี่ยนสายที่นี่ตามภาพค่ะ เป็นสายสีชมพูล่ะ
เป็นนักท่องเที่ยวที่ดีอย่าลืมเคารพกฏการจราจร และเคารพกฏต่างๆของบ้านเมืองที่อื่นด้วยนะคะ
ยืนรอต่อแถวซักพัก รถไฟขบวนสีสันน่ารักก็โผล่มาแบ้ววว เย้
อยากให้บ้านเรามีรถไฟฟ้าแปะลายน่ารักๆแบบนี้บ้างจังเลย
ด้านในขบวนรถไฟฟ้าค่ะ
มีฉายเรื่องราวของซินเป่ยโถวด้วยค่ะ กำลังแอบมองหนุ่มเสื้อดำ ตัวสูงๆ 555+
ด้านในขบวนตกแต่งเป็นสีน้ำตาลและสีเขียวค่ะให้เข้ากับสถานที่ที่เราจะไป
ยังมีเก้าอี้พิเศษอยู่ในขบวนนี้เช่นกันจ้า
อ้ะในที่สุดก็เจอที่ว่างแบบนี้แล้วก็มีเป็นโต๊ะรูปร่างเหมือนอ่างแช่น้ำเลยล่ะจ้ะ จริงๆกดได้ด้วยมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไป
ไม่ต้องกลัวหลงทางเลยนะคะเนี่ยแบบนี้
ถ่ายซักรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก !! เอ้ยระลึก
ถึงแล้วจ้า ตอนที่เรามาถึงกันนั้น ไม่มีคนเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าปกติคนจะเยอะมั้ย อาจจะเป็นเพราะว่า 5 วันที่รัตน์มานั้นทุกวันฝนตกหมดเลย ต้องถือร่มอ่ะ
อันนี้ถ่ายมาฝากเพื่อนๆกันค่ะเป็นข้อมูลการเดินทาง
เป็นจุดที่เชื่อว่าใครๆก็ต้องมาถ่ายแวะเวียนดูกันอย่างแน่นอนเชียว
อ้าวๆใครอยากรู้ประวัติของน้ำพุร้อนก็มายืนๆอ่านกันได้ อธิบายสั้นๆได้ใจความเช่นแผ่นป้ายด้านบนแหละจ้า ที่นี่เป็นน้ำพุร้อนแบบกำมะถัน กลิ่นค่อนข้างจะแรงแตกต่างจากที่อู่ไหลค่ะ แต่ถ้าใครอยากสวยแนะนำให้มานอนคืนนึงค่ะ
นอนสบายใจเฉิ่ม
เริ่มต้นจากที่แรก ห้องสมุดเป่ยโถวค่ะ ซึ่งเป็นห้องสมุดที่ได้รับรางวัล และขึ้นชื่อด้วยการตกแต่งของสถานที่แห่งนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย รวมถึงรัตน์คนนึงล่ะที่ชื่นชอบการตกแต่งและออกแบบโดยใช้ไม้เป็นหลัก แต่ออกมาสวยงามงดอย่างที่เห้น (รูป ….. ออกมาแบบนี้แหละค่ะ ฝนตกตลอดเลย ขออภัยที่ไม่มีรูปสวยๆเลยอ่ะ)
ฝนเจ้ากรรมก็ตกเอาตกเอา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามในการอยาเดินสำรวจของรัตน์ลดน้อยลงเลยจ้ะ
ด้านข้าง
เดินไล่มาเรื่อยๆจะเจออีกสถานที่นึงนั้นคือ Beitou Hot Spring Museum ค่ะ เป็นสถานที่แนะนำให้มาเลยล่ะ เพราะสวย รวมถึงเล่าเรื่องของสถานที่แห่งนี้ได้อย่างดี
สวยอ่าชอบจัง ถ้าฝนไม่ตกจะเป็นยังไงนะ
รูปด้านล่างอาจจะทำให้การเดินทางดูง่ายขึ้นค่ะ เพราะเป็นแผนที่การเดินทาง วาดขึ้นมาให้เห็นง่ายๆว่าเดินทางเป็นยังไงรอบๆมีอะไร จากรูปนะคะ เราเดินจากสถานีรถไฟฟ้ามา (บนซ้าย) เดินตรงมาเรื่อยๆจะเจอสวนสาธารณะ และห้องสมุดเป่ยโถว เดินลัดเลาะมาอีกนิดจะเจอกับ Beitou Hot Spring Museum ค่ะ และเดินอ้อมกลับไปทางเดิมจะเจอที่แช่ออนเซนสาธารณะ
มาถึงแล้วก่อนอื่นเลยต้องถอดรองเท้านะคะ จะมีล็อคแบบนี้ด้วย ดึงออกก็ล็อคเลยอ่ะ !!
เปิดออกมาแล้วเอารองเท้าเราใส่ไปด้านใน แล้วเราใส่รองเท้าที่ทางพิพิธภัณฑ์เตรียมไว้ให้แทนค่ะ
เวลาเปิดปิด ค่าเข้าชมฟรีนะคะที่นี่
สีอิฐ ตัดกับสีไม้ๆและมอสที่ขึ้นเขียวๆดูมีเสน่ห์ดีนะคะ
มาถึงทั้งที หยิบสมุดที่เตรียมมาแล้วประทับตราประทับซักหน่อยดีกว่า
ด้านในเข้ามาจะเป็นโถงตรงกลางค่ะ เหมือนญี่ปุ่นเลยใช่มั้ยคะ (จริงๆต้องบอกว่ากล้องแบตจะหมด ไอข้อมูลสำคัญๆเลยไม่ได้ถ่ายมาแอบจำไม่ได้ด้วย อร๊ากกก) ดูรูปสวยๆของที่นี่ไปก่อนค่ะ
จริงๆแล้วมีชั้นล่างอีกนะคะ เราสามารถเดินลงไปได้ ไปดูบ่อออนเซนที่ทางญี่ปุ่นเค้าได้ทำขึ้นไว้ รวมถึงมีแสดงนิทรรศการเล่าถึงประวัติความเป็นมาอีกด้วยล่ะค่ะ ไม่หมดแค่นั้น เนื่องด้วยสถานที่ตรงแถบนี้นั้นมีภูมิประเทศที่สวยงาม จึงมีการถูกใช้เป็นฉากในหนัง และภาพยนตร์มากมายในสมัยก่อนค่ะ
ถ่ายกับคุณพี่นิดคนสวยที่เล่าเรื่องให้ฟังค่ะดีจังเลย
สถานที่ต่อไปเป็นที่ๆรัตน์อยากจะมาและลิสเอาไว้ว่าต้องมาให้ได้ นั้นคือห้องสมุดนั่นเองค่ะ 55+ มาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะเลยล่ะที่ไทยน่าจะมีสถานที่แบบนี้บ้างนะคะ
ที่นี่คือห้องสมุด !!!!
ฝนยังคงตกพรำๆตลอดเวลา
เวลาเปิดปิดของที่นี่ค่ะ
วันอาทิตย์ – วันจันทร์ 09.00-17.00 น.
วันอังคาร – วันเสาร์ 8.30-21.00 น.
ด้านในเค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะเลยต้องเข้ามาด้านใน แล้วเดินออกไปที่ระเบียงส่องยิงเข้ามาแบบนี้แหละ แล้วข้างในเงียบมากๆ ไม่มีเสียงเลย ต้องกระซิบๆ
มีคนท้องถิ่นมานั่งอ่านหนังสือกันค่ะ
ส่องเข้ามาจาก…. หน้าต่างด้านนอกค่ะ ถ้าสังเกตุที่โต๊ะจะเห็นมีปลั๊กไฟให้เสียบ คอยบริการคนที่มานั่งทำงานค่ะ
โอ้วมีไฟอีกต่างหากค่ะ > [] < !!! นอกเหนือจากนั้นยังมีดีวีดีเต็มชั้นไปหมดให้คนมายืมเช่าไปนั่งดูเงียบๆก็มีค่ะ
เซ็งแค่ฝนตกนี่แหละค่ะ มุมตรงด้านนอกระเบียงยังมีอีกแต่ออกไปถ่ายไม่ได้แล้วอ่า ฝนตกตลอดเวลา
ถ้าจะถามว่า มากันทำไมห้องสมุด งั้นคุณลองมาดูสิว่าห้องสมุดที่นี่เค้ามีสิ่งอำนวยความสะดวก มีการตกแต่งที่สวยงาม มีบรรยากาศที่ดี น่ามานั่งพักผ่อานอ่านหนังสือ ทำงาน ซึ่งทำให้ประชาชนของที่นี่มีชีวิตการศึกษาที่ดูดีนะคะ ห้องสมุดบ้านเราน่าจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าใจสงบก็อยากจะอ่านหนังสือกันใช่มั้ยล่ะคะ
สำหรับที่แช่ออนเซนสาธารณะนั้นเค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ เลยลองไปหามาให้จากเน็ทดูกันค่ะ
ที่มา : http://12foot3.com/
ที่มา : https://photos.travelblog.org/
ใครอยากลองก็มาลองได้นะคะ รวมถึงที่นี่เค้ามีจำหน่ายชุดว่ายน้ำด้วยค่ะ อยากแช่ก็แช่เลยใส่ชุดว้ายน้ำได้ค่ะ ส่วนใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวนั้น พี่นิดกระซิบบอกมาว่า ก็ไปเข้าโรงแรมเลยค่ะ 1 ห้องก็แช่ออนเซ็นได้ส่วนตัวเลยค่ะ ห้องละ 1200 ก็แชร์กันได้เลยล่ะ เอาล่ะหลังจากเดินเหนื่อยๆก้มาทานอาหารมังสวิรัติที่ร้านข้างเซเว่นข้างๆห้องสมุดค่ะ อร่อยฉุดๆ
อาหารมีเป้นเซ็ตค่ะ อย่าเพิ่งอึ้งในราคาค่ะ ขอบอกว่าที่ไต้หวันอาหารกับราคานั้นสัมพันธ์กันดีค่ะ ไม่ใช่ราคาเท่านี้มาน้อยๆ
ขนมปังอร่อยดีค่ะฟาดเรียบหมดเลย มีสลัดมีซุป
อันนี้ไม่มีเนื้อเลยนะจ้ะ ขอบอก อร่อยมากด้วย จานอย่างใหญ่กินไม่หมดเลยค่ะ – –
จริงๆตอนเข้ามาคนเยอะแต่ไม่กล้าถ่ายค่ะ รอให้คนออกไปก่อนเราถึงจะถ่ายบรรยากาศภายในร้านมาฝากแฮะๆ
ระหว่างที่เดินกลับไปที่สถานีก็เจอซากุระป่าของไต้หวันเค้าล่ะค่ะ (ฮัลโล๋ววว)
ช่วงนี้แอบยุ่งนิดหน่อยค่ะ ยังไงจะพยายามมาอัพเดตบ่อยๆนะคะ ยังมีสถานที่เหลืออยู่เยอะแยะเลยที่ยังไม่ได้ลง ยังไม่ได้พาไปเที่ยวกัน
สำหรับการเดินทางค่ะไม่ยากๆเลย
เห็นสายสีแดงมั้ยคะ ??? ด้านบน ที่มีสายสีชมพูเป็นจะงอยๆโผล่ออกมานิดนึง เราต้องไปลงที่ Beitou ล่ะค่ะ ^^ หวังว่าจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้นนะคะ เพราะไม่มีอะไรยาก หรือไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยหากเรายังไม่ลองทำดูค่ะ