5 อย่างที่ต้องเตรียมตัว ก่อนไปเที่ยวไต้หวัน

ตามรอยประเทศญี่ปุ่นมาติดๆ กับข่าวดีของนักท่องเทียวไทยที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยวกันที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งได้ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและบรูไน เป็นเวลา 30 วัน โดยจะทดลองมาตรการดังกล่าวนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2559 นี้เป็นต้นไป นั่นหมายความว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยที่วางแผนไปท่องเที่ยวไต้หวันตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีนี้ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมปีหน้า ก็ไม่ต้องเดินทางไปทำวีซ่าไต้หวันกันแล้ว แถมอยู่เที่ยวได้ถึง 30 วันเลยทีเดียว งั้นนอกจากจะต้องรีบคลิกจองตั๋วเครื่องบิน เรามาดูกันดีกว่าว่าเที่ยวไต้หวันต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง

1)    จองที่พัก

เริ่มแรกนอกจากจะต้องมีตั๋วเครื่องบินแล้ว สำคัญที่สุดก็คือ จองที่พักในไต้หวัน ซึ่งหลายๆ คนก็มักจะใช้เมืองหลวงอย่างไทเป เป็นจุดศูนย์กลางในการท่องเที่ยว เพราะสามารถเดินทางไปยังเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยมีย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมในการหาที่พักก็คือ ย่านซีเหมินติง (Ximending) แหล่งช้อปปิ้ง กิน เที่ยวที่โด่งดังในไทเป หรือจะลองเสาะหาที่พักใหม่ๆ เดินทางสะดวก จองที่พักในไต้หวันง่ายๆ ได้ที่ Traveloka.com ซึ่งเผลอๆ อาจได้ราคาถูกกว่า เพราะเค้ามีดีลดีๆ ในการจองโรงแรมที่พักทุกวัน

2) เช็คสภาพอากาศ

บอกเลยว่าข้อนี้มองข้ามไปไม่ได้ เพราะประเทศไต้หวันถือว่าเป็นเกาะที่มีฝนตกชุกและลมมรสุมอยู่ตลอดปี ฉะนั้น ถ้าคุณไม่เที่ยวแล้วไม่เจอฝนหรือว่าฝนตกน้อยถือว่าโชคดีที่สุด อย่างตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ถือว่าเป็นช่วงมรสุม มีฝนตกชุก และอาจเกิดแผ่นดินไหวได้ด้วยเล็กน้อย ส่วนปลายเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ถือว่าเป็นช่วงใบไม้ร่วงที่คุณจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ฝนก็คงตกอยู่ แต่อาจเบาบางลง และอากาศจะเริ่มเย็นลง เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์คือ ฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5-15 องศาเซลเซียส แต่ก็ควรพกร่มกันเอาไว้ด้วยเช่นกัน

3) วางแผนการเดินทาง

เพราะว่าไต้หวันมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเต็มไปหมด ไม่ว่าจะในไทเปหรือเมืองรอบๆ รวมไปถึงเรื่องอาหารการกินเด่นๆ ฉะนั้น ก่อนการออกเดินทาง ก็ควรวางแผนเอาไว้ว่าคุณต้องการไปเที่ยวไหนบ้าง ยิ่งหากมีเวลาจำกัด ก็ต้องวางแผนเที่ยวแบบรัดกุม โดยเลือกเมืองเที่ยวที่สามารถไปเช้าเย็นกลับไทเปได้ รวมไปถึงเรื่องพาหนะในการเดินทาง อย่างหลักๆ สิ่งที่คุณควรมีไว้เลยก็คือ บัตร EasyCard ซึ่งเป็นบัตรเติมเงิน ใช้แทนเงินสดได้ทั้งในเรื่องการเดินทางผ่านรถขนส่งมวลชนเกือบทั้งหมดที่ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า MRT รถบัส รถแท็กซี่ เช่าจักรยาน และใช้แทนเงินสดในร้านสะดวกซื้อต่างๆ เป็นต้น

4) แลกเงินให้พร้อม

อย่าลืมแลกเงินไปให้พร้อม โดยสกุลเงินในประเทศไต้หวัน เรียกว่า New Taiwan Dollar (TWD หรือ NT$) ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินไทยโดยประมาณ 1.09 – 1.1 บาท = 1 NTD ส่วนเรื่องค่าครองชีพที่ไต้หวันก็ไม่ต่างจากบ้านเรามากนัก ทั้งค่ารถ ค่าอาหาร แพงกว่าบ้านเราเพียงเล็กน้อย แต่หากคุณต้องการช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม ก็สามารถใช้บัตรเครดิตได้เช่นกันตามห้างร้านใหญ่ๆ ทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด

5) ระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร

เรียกว่าเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวสมัยใหม่ขาดไม่ได้ก็คือ ระบบการเชื่อมต่อโลกออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องการค้นหาตำแหน่งที่ตั้ง การใช้รถไฟฟ้า MRT ผ่านแอพพลิเคชั่นไปยังสถานที่ต่างๆ หรือการโพสต์ภาพ เช็คอินตามสถานที่ท่องเที่ยวก็ตาม ซึ่งสามารถเลือกเช่า Pocket Wi-Fi จากเมืองไทย หรือจะเลือกซื้อซิมการ์ด (Sim Card) สำหรับใช้เล่นอินเทอร์เน็ต ตามสนามบินไต้หวันก็ได้เช่นกัน โดยมีขายเป็นแพ็กเกจใช้ได้ไม่จำกัดแบบ 3, 5, 7, 10 และ 15 วัน ให้เลือก โดยมีราคาเริ่มต้นที่ NT$ 300 ขึ้นไป

เรียกได้ว่าไต้หวันกำลังจะเป็นจุดหมายปลายทางที่ฮิตยิ่งกว่าเดิมในปีนี้ก็ว่าได้ แพลนได้แล้วก็อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินไปไต้หวันแบบสบายกระเป๋าผ่านทาง Traveloka ที่ให้ราคาถูกกว่าจองผ่านเว็บสายการบินเอง นอกจากนี้ยังมีโปรเด็ดๆออกมามากขึ้นเรื่อยๆ รู้แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกเดินทางไปเที่ยวแบบไม่ต้องขอวีซ่ากันได้เลย