หากพูดถึงสไตล์การเดินทางท่องเที่ยว หลายๆ คนคงมีสไตล์หรือรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชื่นชอบส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายธรรมชาติ สายท่องเที่ยววัฒนธรรม ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับใครที่เข้ามาอ่านในเว็บไซต์ Flyme บ่อยๆ จะพบว่ารัตน์จะมาแนวชิลๆ สบายๆ เที่ยวไม่อยู่ในกรอบซักเท่าไหร่ (ออกแนวเอาแต่ใจตัวเอง) รวมถึงการลุยเดี่ยว !!! ล่าสุดได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวโดยใช้บริการของสายการบิน Tiger Air Taiwan (สายการบินต้นทุนต่ำ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง สายการบิน China Airlines และสายการบิน Tiger Air) ซึ่งก็ได้เคยบินไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วช่วงที่สายการบินเปิดใหม่ๆ ซิงๆ ในที่สุดก็ได้กลับมาบินมาอีกรอบ กับการเที่ยวไทเปแบบเพียวๆ ไม่มีปน นิวไทเป หรือไปเมืองอื่นเลย
สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปรอบนี้ก็สายชิลๆ สบายๆ ซึ่งใครมาสายวัฒนธรรมและสายกิน หรือจะเที่ยวคนเดียว ตามมาติดๆ ว่าเราเดินทางไปไหนมาบ้างค่ะ ขอเริ่มต้น ไดอารี่การเดินทางของเราที่ใครก็เดินทางตามได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยจ้า !! (รูปเยอะมากบอกเลยรอบนี้)
เที่ยวบินของไทเกอร์แอร์ ต้องมาเช็คอินกันให้พร้อมตอน 6 โมงเย็นค่ะ (ไฟลท์เราบิน 2 ทุ่มนะ) สนามบินที่ไปขึ้นคือ ดอนเมือง (สายการบินต้นทุนต่ำที่ไปไต้หวันขึ้นที่ดอนเมืองทั้งหมดนะ) จริงๆ แล้วก่อนจะถึงวันบิน เราขอรีเควสที่นั่งหน้าสุดไปค่ะ (เพราะขายาว – v -) รวมถึงบริการ Board Me First ซึ่งจะได้เรียกขึ้นเครื่องก่อนชาวบ้านชาวช่องเค้าล่ะ อาหารเย็น เราไม่ได้สั่งไปค่ะ ไม่อยากทานมื้อดึกอ่ะ) ไฟลท์นี้เกือบทั้งไฟลท์ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหน้าตาดีงามมาก ผู้ชายเกือบทั้งลำ (เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ มาเที่ยวไม่ได้ดูผู้ชาย) และแล้วเราก็บินไปถึงสนามบินนานาชาติเถาหยวน ไต้หวัน อย่างปลอดภัย เครื่องลงจอดได้อย่างนุ่มนวล กระแทกไม่แรง ระยะเวลาในการเดินทางคือ 3 ชั่วโมง 50 นาที โดยประมาณค่ะ
ผ่านด่าน ตม เสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลานั่งรถเข้าเมืองกัน ช่วงที่รัตน์ไปนั้น รถไฟฟ้าวิ่งเข้าเมืองจากสนามบินได้ประกาศเปิดให้ใช้งานฟรีเรียบร้อยแล้วจ้ะ !!! แต่ แต่ เรามาถึงตอนกลางคืน (เที่ยงคืนกว่าแล้ว) เลยอดนั่งรถไฟฟ้าจากเมืองเถาหยวนไปไทเป เราเลยต้องกลับมาใช้วิธีสุดคลาสสิคคือ นั่งรถบัสเข้าเมืองกันค่ะ สามารถศึกษาวิธีนั่งรถบัสเข้าเมืองได้ที่ Link นี้
หลังจากที่ถึงสถานี Taipei Main Station เราก็เดินไปที่โฮสเทลที่ทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบิน Tiger Air Taiwan อย่าง Homey Hostel Taipei เดินทางที่ลงบัสใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีถึงค่ะ โดยสามารถดูรีวิวเต็มๆ ของ Homey Hostel ได้ที่นี่เลย !!! รอบนี้พักห้องเดิมเลยคือแบบเตียงสองชั้นห้องไพรเวท (แต่ห้องน้ำยังเป็นแบบรวมนะ)
วันที่ 1 : Free Walking Tour – Monday Special Dinner with Homey Hostel – Ningxia Night Market
วันรุ่งขึ้นก็ทานขนมปัง และน้ำชาง่ายๆ จากที่โฮสเทลเพื่อรอเวลาให้ถึงช่วงที่มีนัดสมัคร Free Walking Tour Taipei ไปค่ะ ฟรีวอร์กกิ้งทัวร์คืออะไร ? คือกลุ่มคนที่รวมตัวกันชึ้นมาเพื่อพานักท่องเที่ยว เที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่ได้จัดขึ้นมาแล้ว โดยแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะเป็นสถานที่ ที่สามารถเดินได้ไปไม่ยากค่ะ ส่วนใหญ่จะจัดกันแค่ 1 วัน ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ และแบ่งประเภททัวร์ไว้อย่างชัดเจน เราสมัครแบบ Old Town คือไปเรียนรู้เมืองเก่าและประวัติศาสตร์ของไต้หวันกันค่ะ อ่อเดี๋ยวก่อนๆ ทัวร์นี้ไม่ต้องเสียเงินเลยซักบาทค่ะ แต่สามารถทิปส์ได้ตอนหลังจากจบทัวร์แล้ว จะให้หรือไม่ให้ก็แล้วแต่เรานะคะ ใครสนใจสามารถเข้าไปสมัครจองทัวร์ฟรีๆ ได้เลยที่เว็บไซต์ : http://tourmeaway.com/
ทัวร์ Old Town พาเราไปเที่ยวสวน 228 Peace Park 二二八和平公園 ที่มีประวัติศาสตร์ทางด้านการเมืองของไต้หวัน เมื่อวันที่ 28 เดือน 2 ปี 1947 ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุการณ์เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ครอบครองไต้หวันแล้วค่ะ เป็นช่วงที่คืนเกาะให้กับประเทศจีน ช่วงนั้นผู้บริหารประเทศคือพรรคก๊กมินตั๋ง เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ ลองสมัครทัวร์ Old Town มาฟังเรื่องราวได้ค่ะ นอกจากนั้นที่สวนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ National Taiwan Museum 國立臺灣博物館 อีกเช่นกัน ใครที่อยากลองตรวจโรคประจำตัว หรือร่างกายมีอวัยวะอะไรผิดปกติ สามารถลองไปเดินที่ลานหินและเช็คได้ว่าจุดไหนของร่างกายมีความผิดปกติ เราแวะไปที่ร้านไอศกรีม Snow King ซึ่งมีรสชาติไอศกรีมให้เลือกมากมาย จบจากทัวร์ ก็เดินกลับไปที่ Homey Hostel ค่ะ เดินเหนื่อยเลย
เวลา 19.00 น . นัดที่เราได้ลงชื่อไป Monday Special Dinner ที่โฮสเทลก็มาถึงค่ะ จากที่พักเราเดินกันไปเป็นกลุ่มที่ร้าน 川畝園麵食館 ซึ่งอยู่ไม่ไกลนะ เดินประมาณ 10 นาทีก็ถึง ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่อง บะหมี่เนื้อค่ะ เรามากัน 5 คนพร้อมกับน้องที่นำเที่ยวแล้ว บะหมี่เนื้อสั่งมา 2 ถ้วย ข้าวผัด เสี่ยวหลงเปา แพนเค้กต้นหอม ซุปใข่ ฯลฯ รสชาติโอเคดีค่ะ ให้ไป 3.5 ดาวเต็ม 5 ดาวเลยละกัน ;D ทานเสร็จก็ประมาณ 3 ทุ่มแล้ว เราเลยขอแยกตัวไปที่ตลาด Ningxia Night Market ต่อค่ะ เพื่อเก็บภาพมาให้เพื่อนๆ กันด้วย ตลาดนี้เดินไปไม่ไกล จากร้านอาหารที่เราทานใช้เวลาเดินไปเพียง 9-10 นาทีเท่านั้นค่ะ มาดูภาพบรรยากาศที่ตลาดกันเลยดีกว่า
เรานั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี Zhuanglian แล้วเดินต่ออีก 7 นาทีค่ะ ระหว่างทางจะมีพวกร้านซาซิมิ ซูชิข้างทางแบบว่าพื้นบ้านมากๆ แต่รสชาติดีค่ะ
วันที่ 2 ย่านเมืองเก่า Dadaocheng – ขอพรความรักที่ศาลเจ้า Xia Hai 台北霞海城隍廟 – Maji Maji Sqaure – C.K.S Memorial Hall – ทานเสี่ยวหลงเปาที่ร้าน 杭州小籠湯包 หังโจวเสี่ยวหลงเปา
วันต่อมาก็ได้กลับไปที่ต้าเต้าเฉิงถนน ตี๋ฮว่าอีกครั้งค่ะ โดยรอบนี้เราไม่ได้แวะไปที่ห้างผ้า แต่แวะมาหม่ำพายแอ๊ปเปิ้ลอันเลื่องชื่อที่ร้าน fleisch ร้านนี้พนักงานจะแต่งชุดกี่เพ้าบริการค่ะ มีเบียร์ไต้หวันที่น่าสนใจด้วย จริงๆ คือมานั่งหลบฝนมากกว่าแหละ ฝั่งตรงข้ามของร้านนี้คือศาลเจ้าแห่งความรักอย่าง เซียะไฮ่ วัยรุ่นที่ยังโสดๆ อยู่นิยมที่จะมาที่นี่กันค่ะ ใครโสดๆ ตามเรามาทริปนี้ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะนอกจากจะพามาศาลเจ้าแล้ว ที่โฮสเทลที่เราพักมีบริเวณพักผ่อนที่มีเพื่อนๆ ชาวต่างชาติอยู่เยอะมาก รวมถึง Free Walking Tour ก็รวมคนจากสัญชาติต่างๆ เอาไว้ด้วยกันมากมายเลยทีเดียว !! ครบเครื่องสำหรับคนโสดนะ สำหรับการไหว้ที่นี่ เพียงนำผลไม้หรือขนมมาถวายและจุดธูปขอพร ก็เสร็จสิ้นกระบวนการค่ะ
ย่านต้าเต้าเฉิง ถนนตี๋ฮว่านั่นมีการอนุรักษ์ให้บ้านเรือนยังคงสภาพด้านนอกเหมือนสมัยก่อน ดูโบราณ และมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ของที่สามารถช้อปได้ที่นี่ได้แก่ น้ำชา อุปกรณ์ชงชา แบรนด์เสื้อผ้า ร้านผ้าสไตล์ไต้หวัน ของที่ระลึก ยาสมุนไพรจีน ใครสนใจลองมาเดินกันได้เลยค่ะ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่น เกาหลีนิยมมามาก !!
จากนั้นเรานั่งแท็กซี่กลับไปที่สถานีรถไฟสายสีแดง เพื่อไปเดินเล่นหาอะไรทานที่ Maji Maji Square ค่ะ ที่นี่ตั้งอยู่ที่สถานี หยวนซาน Yuanshan (สายสีแดง) มานี่เราจะเห็นว่าคุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก อากง อาม่า มาเดินเล่น ออกกำลังกายกัน และแล้วก็มาถึงที่ Maji Maji Square สถานที่แห่งนี้ให้อารมณ์เหมือนจตุจักรเล็กๆ ของไทยนี่เอง เพราะเป็นที่รวบรวมร้านน่ารักๆ ต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน ใครที่ชอบอะไรสไตล์ฮิปๆ หามุมถ่ายรูปใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากันเท่าไหร่ ลองแวะมาที่นี่ได้เลยค่ะ caution ดูภาพบรรยากาศที่เราไปถ่ายมาก่อนจะตัดสินใจไปนะคะ
ถัดมารัตน์ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของไต้หวันอย่าง อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีประวัติเรื่องเล่าขอ นายพลเจียงไคเช็ค ตั้งแต่ก่อนจะเดินทางมาตั้งรกรากที่ไต้หวันอีกแหนะ ซึ่งรายละเอียดเรื่องเล่าต่างๆ อยู่ในโซน Exhibition ชั้น 1 บริเวณทั้งปีกซ้ายและปีกขวา ที่สำคัญมีภาพประวัติศาสตร์ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยควรจะมาซักครั้งในชีวิต เป็นภาพที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จเยือนไต้หวันและได้พบกับนายพลเจียงไคเช็คด้วยนะ ในภาพถ่ายเป็นภาพที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงจับมือทักทายกับนายพลเจียงค่ะ
บริเวณชั้นบนสุด เป็นที่ตั้งของรูปปั้นของนายพลเจียงซึ่งทุกๆ ชั่วโมงบริเวณชั้นนี้จะมีทหารมาผลัดเปลี่ยนขบวนเวรยาม เป็นการผลัดเปลี่ยนเวรยามที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเก็บภาพกัน นี่เราลืมเล่าเรื่องของอนุสรณ์สถานที่ไปได้ยังไงนะ
อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนายพลเจียง โดยลูกชายของท่านเป็นผู้ที่สร้างขึ้นมาค่ะ ขั้นบันไดทางด้านหน้านั้นจำนวนขั้นบันไดเท่ากับอายุของนายพลเจียงค่ะ สำหรับใครที่สนใจประวัติศาสตร์เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับไต้หวัน ลองเริ่มต้นจากหาหนังเรื่อง “สามสาวตระกูลซ่ง” มาลองชมกันค่ะ คุณจะได้ชมเรื่องราวของ ดร ซุนยัดเซน และนายพลเจียงไคเช็คในอีกแง่มุมหนึ่งเลยล่ะ
หลังจากถ่ายภาพที่ อนุสรณ์สถานเสร็จแล้ว ก็แวะไปทานเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังอย่างร้าน “หังโจวเสี่ยวหลงเปา พิกัดตามนี้ค่ะ https://goo.gl/maps/Db6M4NbBtjC2 ซึ่งอู่บริเวณด้านหลังของอนุสรณ์สถานเลยเดินหาไม่ยาก
วันที่ 3 ชมวิวเมืองไทเปที่กระเช้ามาวคง เดินเล่นซีเหมินติง Red House ไปไหว้พระขอพรที่วัดหลงซัน เดินช้อปสินค้าวัยรุ่นย่านชิคๆ Zhongxiao Dunhua ทาน Hot Pot ที่ร้าน เหวินติง
ตื่นเช้ามาวันที่สามก็รู้สึกว่าเวลาหมดไปไวเสียเหลือเกินอ่ะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับบ้านซะแล้ว วันนี้เลยตัดสินใจไปที่กระเช้ามาวคง เพื่อรับลมเย็นๆ (หรืออาจจะเป็นฝนนะ) จากที่พัก Homey Hostel เราขึ้นรถไฟฟ้าจาก Taipei Main Station ไปสายสีน้ำเงิน Bannan Line ไปที่สถานี Zhongxiao Fuxing เพื่อเปลี่ยนสายไปสถานีสายสีน้ำตาลลงที่สถานี Taipei Zoo สถานีปลายทางของสายสีน้ำตา ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดรวมแล้วเกือบ 20-30 นาทีได้กว่าจะถึงสถานีปลายทางค่ะ เพราะสายสีน้ำตาลรถวิ่งช้ามว๊ากกกกก
จากสถานี Taipei Zoo เดินเลี้ยวซ้ายออกจากสถานีประมาณ 5 นาที จะถึงบริเวณขั้นกระเช้าค่ะ โดยสามารถจ่ายโดยใช้บัตร Easy Card หรือ โยโย่วข่า ได้ถ้าเงินไม่พอสามารถเติมเงิในบัตรได้บริเวณที่ชำระเงินค่ะ ระยะเวลาทั้งขึ้นและทั้งลงคือ 1 ชั่วโมงค่ะ ดังนั้นใครจะมาเที่ยวที่นี่เราแนะนำให้วางแผนเวลาการเดินทางไว้ให้ดีๆ เพราะใข้เวลาค่อนข้างมาก ด้านบนมีร้านชาหลายร้านเลยให้เรานั่งจิบน้ำชา มาที่นี่ก็ต้องแวะชิมไอศกรีมน้องเหมียวกันด้วยนะคะ ได้รสชาติชาแท้ๆ เลย >0< ในร้านมีน้องหมาสีดำคอยต้อยรับเราอยู่ด้วยล่ะ น้องหมาจะจ้องไอศกรีมของเราอยู่นะ …… ชาที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ชาทีกวนอิม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากชาอู่หลงซึ่งจะหอมดอกไม้ต่างๆ ใครชื่นชอบการดื่มชา และอยากพักผ่อนเดินเขาแบบไม่โหดเกินไปมาที่นี่ได้เลยจ้า Link ไปรีวิวกระเช้ามาวคง
จากนั้นเราเดินทางกลับไปที่สถานี Zhongxiao Fuxing เพื่อไปเดินเล่นที่ Ximending ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไปกันเยอะมาก ช่วงเวลาที่คนคึกคักมากที่สุดของที่นี่คือตอนเย็นค่ะ ใครที่ชอบถ่ายภาพแสงไฟต่างๆ ก็ลองแวะมาที่นี่ช่วงกลางคืนกันได้นะ บริเวณนี้มีร้านน่าสนใจอยู่ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะซื้อของฝาก หรืออาหารการกิน มีให้เลือกตั้งแต่ บะหมี่หอยนางรม – ข้าวหน้าหมูพะโล้ – อาหารเจ – อาหารญี่ปุ่น – อาหารอิตาลี อีกเพียบบอกเลย รวมถึงใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในการดูหนังก็มีโรงหนังเล็กๆ น่ารักอยู่ข้างๆ กับ Uniqlo ค่ะ เราเดินซักพักนึงก็เดินย้อนกลับไปที่ตึกแดง Red House ซึ่งมีเรื่องราวและประวัติเมืองไทเปให้เราไปศึกษาอยู่ ใครชอบศึกษาประวัติศาสตร์ไปโลด ตึก Red House ด้านนอกก็เป็นอีกจุดที่ถ่ายภาพได้ด้วยนะ ช่วงกลางคืนแถวนี้จะมีบาร์อยู่เยอะมากๆ โดยบาร์ของที่นี่จะเป็นบาร์เฉพาะของเหล่าชาวสีม่วงทั้งหลายเลยจ้ะ
จากสถานี Ximen นั่งไปอีกแค่ 1 ป้ายสถานีจะถึงสถานี Longshan ค่ะ ตอนนี้เรากำลังจะไปวัดหลงซานกันค่ะ ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ของของไต้หวัน ใครๆ ก็มาขอพรกันในเรื่องต่างๆ ไม่ต้องเฉพาะเจาะจงก็ได้นะ บริเวณด้านล่างของสถานีนี้จะมีจำหน่ายเครื่องรางของขลัง แบบจีนๆ รวมถึงมีดูดวงด้วย !! ใครอยากดูดวงเรื่องความรัก การเงิน การงาน ลองมาดูดวงกันนะ (อย่าลืมพาเพื่อนที่พูดภาษาจีนมาด้วยนะคะ เพราะหมอดูจะพูดภาษาจีน
จากย่านที่คึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอย่างซีเหมินและวัดหลงซาน เราขอพาเพื่อนๆ ไปย่านที่คนไต้หวันนิยมไปเดินเพื่อช้อปปิ้งกันค่ะ ย่านนั้นคือบริเวณสถานี Zhongxiao Dunhua ทางออกที่ 2 ออกมาจากสถานีปุ๊บทางด้านซ้านยมือเราจะเจอร้าน ZARA และ Watson ให้เราเลี้ยวเข้าซอย ซ้ายมือระหว่างทั้งสองร้านเข้าไปเลย บริเวณนี้รวบรวมร้านแบรนด์ไต้หวันไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น AIRSPACE เสื้อผ้าแนวน่ารัก พร้อมรองเท้าแฟชั่น , STAYREAL แบรนด์เสื้อผ้าเน้นสไตล์ Casual เสื้อยืด ใส่สบายๆ ลายน่ารักๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ค่ะ, Orange Bear หรือ OB แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ที่มีจำหน่ายเสื้อผ้าสำหรับสาวไซต์ใหญ่ด้วย ราคาก็ไม่แพง ร้านขายของ Gift Shop และร้านที่ตกแต่งสไตล์น่ารักๆ ก็อยู่บริเวณนี้ด้วย เราแวะช้อปเสื้อผ้า พร้อมถ่ายบรรยากาศช่วงเย็นๆ ของที่นี่
หลังจากที่ช้อปเสร็จแล้ว เราไปต่อร้าน Hot Pot ที่ร้าน 問鼎 ซึ่งเป็นร้านที่ต้องจองคิวก่อนถึงจะได้โอกาสเข้ามาทานค่ะ ร้านนี้เน้นเรืองคุณภาพของเนื้อและอาหาร สำหรับใครที่ชอบทาน All you can eat หรือบุพเฟ่ต์หากอยากจะลองเนื้อนุ่มๆ ผักสดๆ ไม่ใช่จากชั้นวางแบบร้านบุพเฟ่ต์ทั่วไป สามารถมาลองชิมกันได้ที่ร้านนี้เลยนะ แนะนำ 5 ดาว ชอบตรงเห็ดนี่มาสดๆ เลยให้เด็ดออกมาเองอ่ะ !!! สำหรับใครที่มานั่งร้านนี้สามารถตัดไอศกรีม ฮาเก้นดาซกันได้กี่รอบเลยก็ได้ค่ะ มี 4 ตู้เลือกเอา รสชาติอาหารดี บรรยากาศโอเค ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาด้วยค่ะ ;D การันตีคุณภาพ เวลาสั่งอาหารที่ร้านจะมี Tablet มาให้สั่งอาหารพร้อมคำนวณราคาสำหรับจ่ายเงิน ดังนั้นสามารถคุมราคาอาหารในมื้อนั้นๆ ได้เอง ไม่ต้องคอยถามพนักงานค่ะ
ก่อนที่จะกลับที่พัก เราไปนั่งหม่ำขนมที่ร้าน Dazzling Cafe Pink – Honey Toast 蜜糖土司專賣店 ร้านที่แต่ก่อนฮิตมากในเรื่องขนม Honey Toast ที่ร้านนอกจากจะมีขนมแล้ว (ตามภาพ) ก็มีอาหารคาวให้สั่งด้วยค่ะ ที่นี่อาหารคาวไม่เยอะมาก ร้านนี้เราต้องเดินข้ามถนนมมาอีกฝั่งก่อนนะคะ เดินเข้าซอยระหว่าง Watson กับ Zara เจอแยกแล้วเลี้ยวขวา เดินอีกนิดนึงก็จะเจอร้านอยู่ทางด้านซ้ายมือเราค่ะ
คืนนี้ขอกลับห้องพักไปเก็บกระเป๋าก่อนนะคะ เพราะว่า พรุ่งนี้เรามีไฟลท์กลับบ้านของสายการบิน Tiger Air Taiwan ค่ะ
วันที่ 4 แวะซื้อของฝากที่ Dongmen ร้านชา TenRen และ Geow Yong Tea Hong
มาถึงวันสุดท้ายแล้ว กระเป๋าเราเตรียมเสร็จแล้วเรียบร้อย และเช็คเอาท์เรียบร้อยค่ะ แต่ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน ตอนนี้ขอแวะไปที่ถนนหย่งคังที่สถานี Dongmen ทางออก 5 (Tamsui-Xinyi Line) ถนนนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่มีร้านอาหารอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะใครที่ชอบทานบะหมี่เนื้อที่มีร้านขึ้นชื่ออยู่ด้วยค่ะ มีแพนเค้กต้นหอมที่คนต่อแถวซื้ออยู่เยอะด้วย ต้องมาลอง อันนี้เราลองแล้วชอบจ้า รสชาติ เค็มๆ มันๆ จุดประสงค์ที่มาตรงนี้คือ เราจะซื้อน้ำชากลับมาค่ะ โดยร้านแรกที่แวะไปที่ Geow Yong Tea Hong ร้านนี้เน้นเรื่องแพ็คเกจสวยมาก หากซื้อฝากเพื่อน หรือผู้ใหญ่ที่ทำงาน เหมาะมากๆ เลยค่ะ เพราะว่ากล่องสวย มีคุณค่าแก่การนำไปให้เป็นของฝาก จะเก็บไว้เป็นคอลเล็คชั่นของตัวเองก็ได้เหมือนกันค่ะ
อีกร้านที่เราแวะไปคือ ร้านที่คุณแม่ฝากซื้อชาค่ะ ร้านนี้มีร้านใหญ่มากๆ อยู่ที่จีนด้วย แต่ต้นตำรับคืออยู่ที่ไต้หวันนะ ราคาชามีตั้งแต่ถูก – แพงมากๆ คุณภาพชาดีมากๆ ลองดื่มกันได้ด้วยค่ะ ก่อนจะตัดสินใจซื้อกลับบ้านกันมา นอกจากนี้ที่หน้าร้านมีขายร้านชานมไข่มุก ชาเขียวต่างๆ ให้ลองทานกันด้วย ที่เราซื้อกลับมาคือ Dong Ding Oolong Tea เป็นมิชชั่นที่ทางคุณแม่รีเควสมาว่าต้องซื้อกลับมาเพราะดีมากมาย (ราคา 1 พันอัพ)
จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ Homey Hostel อีกครั้งเพื่อกลับสนามบินไต้หวันเถาหยวน บินกลับบ้านเราค่ะ
บรรยากาศบนเครื่องค่ะ ;D
ใครสนใจลองไปแบบรัตน์ ก้สามารถจองตั๋วโดยสารกับสายการบิน Tiger Air Taiwan ได้เลยค่ะ
จองตั๋วตอนนี้ที่ http://www.tigerairtw.com/th/th/index.php
สำหรับใครสนใจจองห้องพักกับ Homey Hostel ซึ่งแนะนำว่าเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ที่ พักตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องการบริการ หรือห้องสวยหรูอลังการ มาเที่ยวเฉยๆ จริงๆ เข้าไปได้ที่เว็บไซต์ https://www.homeyhostel.com/ เพื่อจองค่ะ