ทางรถไฟสายผิงซี 平溪 ถ้าพูดถึงขึ้นมา ถ้าใครชอบเที่ยวกับบริษัททัวร์อาจจะไม่รู้จักได้ แต่ถ้านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเที่ยวเองแล้วนั้น เส้นทางนี้เป็นจุดหนึ่งในไฮไลท์ที่ใครที่มาไต้หวันจำเป็นต้องแวะมาค่ะ
อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้คนมาเที่ยวที่นี่ ช่วงเดือน 2 จะมีเทศกาลลอยโคมผิงซีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของไต้หวันค่ะ เฮ้ยที่ภาคเหนือก็มีลอยโคมยี่เป็งเหมือนกัน (ใช่เลยค่ะ ที่ไทยก็มียี่เป็งเหมือนกันแต่ไต้หวันพยายามสร้างการลอยโคมผิงซีให้เป็นวัฒนธรรมต่างๆ มีทางรถไฟสายเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยที่ถูกยึดครองจากญี่ปุ่น แถมสถานีจิ่งถงนั้นยังเป็นสถานีที่อนุรักษ์ไว้ให้เป็นไม้ ไม่ได้ดัดแปลงอะไร ซึ่ง จิ่งถงจะเป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสายผิงซี ก็เวลาจะไปก็แนะนำให้เที่ยวที่นี่ไปจนถึงสายฉือเฟิ่น แต่ละที่มีความสวยงามคล้ายกัน มีสเตชั่นในการปั๊มสแตมป์
เมื่อลงที่สถานี Badu ป้าตู ตามรูปที่รัตน์วงกลมสีแดงไว้ให้ได้เลยค่ะ
หากวางแผนจะเดินทางไปเส้นทางนี้ ช่วงเช้าอาจจะเที่ยวที่นี่ แล้วตอนบ่ายๆค่อยนั่งรถไฟเปลี่ยนสายที่ ป้าตู ไปยังจิ่วเฟิ่นก็จะได้ความสวยงามอีกแบบหนึ่งค่ะ
เราซื้อ Oneday Pass พอถึงสถานี รุ่ยฟางแล้วนั้น สามารถเดินทางไปตามสถานีแล้วขึ้นรถไฟขบวนสายผิงซี (สังเกตได้เป็นขบวนที่ตกแต่งสีสันสวยงาม เล็กๆ) แล้วตั๋วต้องเก็บไว้ตลอดเวลานะคะเพราะมีนายสถานีคอยเก็บตั๋วของเราเช็คอยู่ตลอดเวลาค่ะ
เดินทางตามรอยวานวานเช่นกันกับที่นี่ค่ะ ระหว่างการเดินทางรัตน์ได้พบผู้คน และได้พบเพื่อนใหม่เพิ่ม 2 คนจากฮ่องกงค่ะ การเดินทางจากไทเปไปที่ผิงซีใช้เวลาตั้งแต่ 08.05-10.20 น. ค่ะ
โดยผ่านสถานีดังนี้
Taipei Main Station – > Songshan – > Nangang – > Xika – > Xizhi – > Wudu – > Baifu – > Qidu – > Badu (เปลี่ยนสายด้วยนะคะจากตรงนี้เพื่อไปสถานีต่อไป) -> Nuannuan – > Sijiaoting -> Ruifang ลงที่สถานนี้ค่ะ แล้วต่อไปผิงซีจากที่นี่นะคะไปดูภาพกันดีกว่าค่ะ
ขึ้นรถไฟที่สถานี Taipei Main Station
One Day Pass เที่ยวตลอดสายผิงซีค่ะ
ไปไต้หวันกันนะคะ
ก่อนอื่นก่อนที่จะไปที่สถานี Ruifang นั้นต้องไปต่อรถไฟก่อนที่สถานี Badu ค่ะ ป้าตู ฟังดีๆ ป้าตู
(เห็นสองสาวด้านข้างมั้ยเอ่ย….. )
เดินตามทางที่รัตน์โพสรูปไว้ได้เลยค่ะรับรองไม่หลงทาง สำหรับใครที่อ่านจีนไม่ออกนะคะ เพราะรัตน์ไปเองก็อ่านไม่ออกซักตัว อ่อ อ่านออก หนึ่ง สอง สาม สี่ ….. คน พระจันทร์ อ่านออกแค่นี้แหละ แฮะๆ แต่เชื่อได้ค่ะไม่หลงแน่นอนรัตน์ไปคนเดียวยังไม่หลงเลย ถามคนโน้น คนนี้เอาตามทาง
To Pingxi line, please take train at Platform 2 เค้าบอกให้ไปที่ชานชาลา 2 นะคะ
เห็นละด้านบนป้ายชานชาลาเขียนว่า PINGXI LINE
เราเริ่มเที่ยวที่สถานีสุดท้ายของเส้นนี้คือสาย Jingtong ระหว่างทางรัตน์ได้ทำความรู้จักกับสองสาว ชาวฮ่องกงค่ะ ได้มาเป็นเพื่อนเดินทางกันล่ะ ^^ + 2 company
เป็นสายน่ารักๆค่ะ ดูสีสันของรถไฟที่นั่งไปผิงซีสิคะ
ที่สถานีเค้าอนุรักษ์นะคะ เป็นสถานีเก่าแก่เลยเป็นไม้ๆ
มีการซื้อกระบอกไม้ไผ่ให้เขียนคำอธิษฐานแล้วมาแขวนค่ะ
มีโปสการ์ดเป็นไม้ๆด้วยน้า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชอบไต้หวันคืองานศิลปะเล็กๆน้อยๆแบบนี้ค่ะ ซึ่งแสดงถึงตัวตนของแต่ละสถานที่ที่ไปออกมาได้อย่างดี อันนี้ก็ออกมาในรูปแบบของที่ระลึกค่ะ
น่ารักกุ๊กกิ๊กจังเลย
ขายกระบอกข้าวหลาม เอ้ยไม้ไผ่ 40 เหรียญเองอ้ะ
มาถึงแล้วก็ประทับซักหน่อย
มาตามรอยวานวานที่นี่สวยมากๆเลยค่ะควรค่าแก่การมาถ่ายรูปนะ
เรามาแล้วก็แบบว่า ปิดค่ะ อยากจะร้องไห้เลยจริง T ^ T เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปค่ะ
อย่าลืมซื้อใข่เหล็กกลับมาทานกันนะคะ รัตน์ยังไม่เคยลองหรอก อิอิแต่ทุกคนบอกโอเคเลย และนำมาเป็นของฝากกันค่ะ
ยังคงอยู่ที่สถานีจิ่งถง รอรถไฟมารับไปสถานีต่อไปค่ะ
มีของน่ารักๆเพียบเลยนะ
อร๊ายยเพนกวิ้นน่ารักมากๆเลยค่ะ กับน้องกวาง น้องแกะ > [] < !! กรี๊ดๆๆ
ยังมีจุดให้เดินถ่ายรูปและเดินตามแนวธรรมชาติอยู่นะคะ
อันนี้เป็นของฝากเฉพาะของที่นี่ค่ะ คล้ายๆกับที่หมู่บ้านแมวเลย เพราะว่าแต่ก่อนแถวๆนี้นั้นเป็นแหล่งถ่านหินมาก่อนก็จะมีหินมากค่ะ เลยมีการทำหินต่างๆขึ้นมาเป็นที่ระลึกค่ะ ก็แบ่งอีกหินนี้ขอพรเรื่องอะไรก็ว่าไปค่ะ (คืออ่านไม่ออก เค้าพูดภาษาจีนกันสนุกสนานเลย T^T)
เอาล่ะค่ะพาเพื่อนๆมาที่ Lover’s Bridge กันนะคะ
เพื่อนคนฮ่องกงที่มาด้วยก็เจอกรุ๊ปคนฮ่องกงที่มาเที่ยวเองถ่ายรูปให้เค้า เราเลยแอบถ่ายคนถ่ายรูปซะหน่อย
ในที่สุดรถไฟก็มา ปู๊นๆ ไปสถานีต่อไปกันเถอะค่ะ
มีห้องน้ำด้วยน้าสถานีต่อไปคือสถานีผิงซีค่ะ
ถึงสถานี ผิงซี แล้วค่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านน่ารักๆเล็กๆค่ะ ^^
ไฮไลท์คือผู้คนชอบมาลอยโคมกันที่บนทางรถไฟค่ะ อยากเขียนคำออธิษฐานก็เขียนเลยสี่ด้านเต็มๆ
เพื่อนชาวฮ่องกงของรัตน์ก็ไม่พลาดที่จะมาปล่อยโคมเหมือนกันอ้าวลอยแล้วๆ
ระหว่างที่เพื่อนชาวฮ่องกงของรัตน์กำลังเขียนคำอธิษฐานกันอย่างตั้งใจรัตน์ก็ออกมาหาวิวถ่ายรูปอย่างตั้งใจเช่นกัน เมื่อกี้เรานั่งผ่านทางแบบนี้มาหรือเนี่ยหันหลังกลับไปก็จะได้วิวแบบนี้
หมู่บ้านเล็กๆน่ารักๆ
น่ารักอ้ะ
มีขายสัญลักษณ์ของเมืองเพียบเลยค่ะ
แต่ละอันก็มีความหมายแตกต่างกันออกไป
เดินมาเรื่อยๆหิวจังเลย ได้แวะร้านที่เพื่อนสาวชาวฮ่องกงเป็นคนชี้ๆตรงนี้มีร้านอาหารกินได้ๆ แล้วก็สั่งให้ค่ะ ได้ข้าวผัดกับบะหมี่แบบไต้หวันมา รสชาดจืดๆ (ก็ทานได้ในแบบที่รัตน์ชอบทานรสไม่จัดโอเคอยู่ แต่เพื่อนคนไหนชอบกินแบบรสชาติจัดๆขอให้เตรียมกระปุกน้ำพริกส่วนตัวมาด้วยนะคะ)
เพื่อนชาวฮ่องกงแวะซื้อของฝาก รัตน์ก็แอบแว่บไปถ่ายรูป อิอิ
รอสถานีต่อไปกันค่ะ จะมีตารางเวลาอยู่ค่ะ
สถานีสุดท้ายที่คนเยอะมากๆ ซือเฟิ่นผู้คนก็มากกว่าคึกคักกว่าค่ะ
ไต้หวันก็ไม่แพ้ไทยเรื่องนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวจีนค่ะ ก็แย่งๆกับเค้าหน่อยนะคะ
เดินไปนิดหน่อยจะมีวิวสะพานสวยๆค่ะ นอกจากนั้นยังมีน้ำตกด้วย วันที่รัตน์ไปฝนดันตกลงมาค่ะ ดีที่พกร่มมาด้วย
แย่หน่อยที่สองสาวชาวฮ่องกงแอบกลัวความสูง เลยไม่กล้าข้ามไปอีกฝั่ง เราเลยได้เดินเล่นตามสถานีแทนค่ะ
ของกระจู๊กกระจิ๊กน่ารักๆ
หลังจากเสร็จภาระกิจที่เส้นทางรถไฟสายผิงซี รัตน์ก็เริ่มต้นภาระกิจตามซื้อของฝากจากเพื่อนๆที่ฝากซื้อขนมกันมาค่ะ โดยบอกเลยว่าน้ำหนักแอบขึ้นและเอียนขนมพายเค้กสับปะรดจนถึงทุกวันนี้เพราะชิมไปหลายยี่ห้อมากๆในวันเดียว ดีที่มดไม่ขึ้นเตียงน้า
รัตน์แนะนำสำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบวันเดียวไปเลยคุ้มๆ ก็นั่งรถไปต่อที่สถานี Houtong เพื่อไปเที่ยวหมู่บ้านแมวกันได้เลยนะคะ ตามนั้น