Home Blog Page 49

Airlines Inn ที่พักน่ารักๆเหมือนอยู่ในเครื่องบินเลยล่ะ

 

ไต้หวันถือว่าเป็นเกาะที่มีฝนตกอยู่ตลอดเวลาค่ะ ฝนเจ้ากรรมก็ตกจัง รัตน์ไปเที่ยวแบบไม่มีแพลน (จริงๆก็มีแพลนแต่ดันว่างช่วงเย็นแถมหิวข้าว) เลยนั่งรถไฟฟ้าออกมาจากที่พักไปที่ซีเหมินเพื่อเดินเล่นหาอะไรทำ ก็เดินซ่อกแซ่กไปเรื่อยๆ จนมาเจอตึกที่มีโรงแรมเล็กๆที่มีธีมห้องโดยสารในเครื่องบิน ขึ้นไปปุ๊บบอกเค้า เอ่อ พี่คะไม่ได้มาพักแต่ขอถ่ายรูปนิดนึงได้มั้ยอ่ะ จะเอามาเขียนเว็บไซต์เอามาล่ะค่ะมาดูกันดีกว่า
Airline Inn Taipei เป็นโรงแรมใหม่เพิ่งเปิดมาได้ 3 ปี Theme Hotel ซึ่งสร้างให้เหมือนคุณกำลังอยู่ในห้องโดยสารบนเครื่องบินโรงแรมที่ตั้งอยู่ทางแถบตะวันตกของไทเป ซึ่งสามารถเดินทางง่ายๆจาก รถไฟฟ้า MRT ซีเหมิน ทางออก 6 เพียงไม่ถึง 10 นาที ซีเหมินติงเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาแวะเวียนกันค่ะ ที่ซีเหมินติงเต็มไปด้วยแฟชั่น ของทาน ร้านรวงมากมายถือว่าเป็นสยามสแควร์ไต้หวันเลยก็ว่าได้

ที่แอร์ไลน์อินตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ตามลิ้งค์แผนที่สามารถกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 8 ได้เลยค่ะ


หน้าตาจุดเช็คอิน

สต๊าฟที่นี่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น

มาดูหน้าตาห้องพักกันนะคะ

ราคาค่าห้อง
วันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี 2,700 NTD
วันศุกร์ – วันเสาร์ 3,700 NTD

แผนที่ในการเดินทาง http://goo.gl/e7mFJ2
สิ่งอำนวยความสะดวก
Clock
Free Wired/Wireless Internet
Hair Dryer
IDD Direct Call
Free In-room Coffee and Tea Maker
In-room Safe
Power Shower
Cable TV
Refrigerator
Scales
Working Desk with Lamp
Baby Crib (by requested)
Luggage Stand
Closet
Latex Foam Pillow + Down Feather Pillow
If need to addtional NT$1000 for an extra bed service . (Breakfast not included) ** ไม่รวมอาหารเช้านะคะ

5 สถานที่ในการแช่ออนเซ็นในไต้หวัน

daisy_01-th

ถ้าให้พูดถึงการแช่ออนเซนอันดับแรกในใจหลายๆคน คงนึกถึงญี่ปุ่นกันใช่มั้ยล่ะคะ แต่จริงๆแล้วเราไม่เห็นต้องบินไปไกลถึงโน่นเลยนะ ไต้หวันก้มีให้แช่แถมเค้าไม่บังคับว่าอยากต้องแก้ผ้าลงแช่นะ สามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงแช่ได้สบายๆไม่ต้องเขิลเลยล่ะ จริงๆต้องบอกว่าหลังจากที่ญี่ปุ่นได้ปกครองไต้หวันแล้วนั้นทำให้มีบ่อน้ำพุร้อนขึ้น ขุดๆให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ค่ะ  มาพูดถึงบ่อน้ำพุร้อนกันดีกว่าค่ะ 5 ที่ที่คุณต้องไปกันนะคะ

 

 

 

1. น้ำพุร้อนเป่ยโถว (นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Taipei Main Station ค่ะไปที่สถานี Beitou)

DSC01667

2. Wulai Hot Spring (นั่งรถไฟฟ้ามาลงสายสีเขียวที่ซินเดี้ยนแล้วต่อรถบัสไปที่อู่ไหลใช้เวลา 30 นาทีถึงค่ะ)

3) Jiaoxi Hot Spring
(1-hour bus ride from Taipei Station. In the vincinity of Jiaoxi Railway Station)

สถานที่ท่องเที่ยว : Tangweigou Hot Spring Park 

4) Taian Hot Spring
(30-minute bus ride from Miaoli Railway Station)

5) Guanziling Hot Spring
(30-minute bus ride from Xinying Railway Station)
ที่เมืองไถหนานค่ะเป็นอีกสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการแช่บ่อน้ำพุร้อนในไต้หวันค่ะ

รีวิวสายการบินไทย บินตรงไปไต้หวัน

รัตน์ได้มีโอกาสเที่ยวไต้หวันคนเดียว ก็อยากจะลองนั่งหลายๆสายการบินดูค่ะ ก็มาตัดสินใจไปกับสายการบินไทยเพราะตอนนั้นเวลาดีมากๆ ไฟลท์เที่ยวบินถึงตอนเที่ยงๆบ่ายๆสามารถเช็คอินเข้าโรงแรมได้เลยล่ะ

ซึ่งเป็นเที่ยวบินเพื่อผ่านไปเกาหลี อินชอนค่ะ เที่ยวบินในไฟลท์เลยมีการประกาศทั้งภาษาจีนและภาษาเกาหลีเพราะบางคนก็นั่งมาที่ไต้หวันก็แค่แวะแล้วนั่งเลยไปที่เกาหลีต่อค่ะ

ที่นั่ง 2-4-2 นั่งสบายๆกับบริการของกล้วยไม้ไทย พนักงานต้อนรับคนไทยจะแต่งชุดไทยค่ะส่วนต่างชาติจะไม่ได้แต่งชุดไทย มีป้ายชื่ออยู่ (เราพยายามอ่าน ตอนไฟลท์ขากลับเพราะพี่แอร์คนสวยนึกว่าเราเป็นคนต่างชาติหรือยังไงพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ถึงจะพ่นภาษาไทยใส่ เจ้ก็อิ้งกลับมา ดูป้ายชื่อก็เป็นคนไต้หวันแล้วก็คนเกาหลีค่ะ น่ารัก ขอถ่ายรูปด้วย)

ไฟลท์ขาไปรัตน์ลองทานบะหมี่แก้หิวช่วงเช้าค่ะ (ไฟลท์ที่ไปเป็นไฟลท์เช้าสุดค่ะ) บริการก็โอเคค่ะไม่ได้ทิ้งคนไทยนะ !! ยิ้มไหว้ตลอดค่ะ ทั้งแอร์และสจ๊วต ช่วยเรื่องกระเป๋าอันหนักอิึงของเรากันดีค่ะ ถ่ายระบบเอนเตอร์เทนเม้นด้านในมาให้เพื่อนๆดูกันนะคะ

ชอบกดอันนี้เล่นค่ะ ไว้ดูหนังระหว่างทาง

เวลาในการเดินทางไป-กลับทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ โดยไฟลท์บินไปได้อย่างรายรื่น รัตน์นั่งตรงกลางเครื่องบิน เวลาล้อกางออกตอนที่กัปตันจะแลนดิ้งก็ตกใจนิดนึง นั่งมองปีกกระพือๆด้านข้างลำเครื่อง

แอร์ชาวเกาหลีที่แสนน่ารัก
ขอบคุณสายการบินไทย ของคนไทยเองที่ทำให้การเดินทางของเราเป็นได้อย่างสบายๆ แถมราคาโปรโมชั่นไม่เลวเลยทีเดียว ไฟลท์สวย เวลาดีค่ะ !!!
ราคาตั๋วที่จองตอนนั้นอยู่ที่ 11,xxx เท่านั้นค่ะ Full Service

Thai Airways #thaiairaways #สายการบินไทย #รีวิวสายการบิน #ไปไต้หวัน #สายการบินไปไต้หวัน #บินไต้หวัน #บินตรงไต้หวัน #อาหาร#อาหารบนเครื่อง

 

มาดูอาหารในเครื่องกันค่ะ

 

อาหารเที่ยวไปค่ะรูปด้านบน และด้านล่างเป้นไฟลท์ขากลับ

อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ

ARK Hotel เก๋ๆน่ารักๆที่ตงเหมิน

ได้มีโอกาสเดินเล่นก่อนที่จะกลับบ้านในวันสุดท้าย รัตน์เลยอยากลองเดินเล่นตามถนนดูบ้าง ก่อนที่จะกลับเพราะไม่ได้ไปไหนมากมายหมดเวลากับการเดินทางแบบหลงทางแบบคนพูดจีนไม่ได้


ค่าห้องที่ไต้หวันค่อนข้างมีราคาสูงค่ะถ้าหากว่าจองกับทางหน้าเว็บไซต์นั้นจะสูงมากๆ สังเกตุได้แพงเกือบทุกโรงแรม โรงแรมเล็กๆยังแพงเลบ เพราะค่าที่ของเค้าแพงคล้ายกับฮ่องกง เลยต้องใช้พื้นที่ให้คุ้มกันหน่อยละทีนี้ เดินออกจากที่สถานีตัวเองอยู่ Daan Park เดินเลาะมานิดเดียวก็จะเจอกับสถานีตงเหมินอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่จะมีร้านค้ามากมาย ตึกสำนักงาน และได้เจอกับโรงแรม ARK ซึ่งมีหน้าตาน่ารัก ด้วยความหน้าด้านส่วนตัว เลยเดินทำท่างงๆเข้าไป ขออนุญาติถ่ายรูปหน่อยนะคะ แฮะๆ กับเอาราคาห้องพักที่นี่มาฝากเพื่อนๆค่ะ

ที่นี่มีห้องพัก 4 แบบ แตกต่างกันที่ขนาดและมีหน้าตาหรือไม่มีหน้าตาค่ะ

1. ห้องธรรมดามาตรฐานมีหน้าต่าง 152×190 cm ราคา 4,600 NTD
2. ห้องธรรมดามาตรฐานไม่มีหน้าต่าง 152×190 cm ราคา 4,300 NTD
3. หองDouble 152×190 cm แตกต่างจาก 2 ห้องแรกที่ดีไซน์การตกแต่งที่ดูจะเป็นส่วนตัวมากกว่า ราคา 4,500 NTD
4. ห้อง Triple Room 152×190+91x190cm ราคาคืนละ 5,500 เหรียญ

จากโบรชัวร์และจากเว็บไซต์ www.arkhotel.com.tw ห้องดูตกแต่งสวยงาม ใครมีฐานะหน่อยสามารถมาพักได้ก็ลองมาดูค่ะ ส่วน แดนดี้โฮเทลที่รัตน์พักนั้นมีราคาน้อยกว่าหน่อยแต่ก็คุ้มที่อยู่คนเดียวค่ะไม่แพงมากมาย

น้ำแข็งใส Mango Snow Flake อีกหนึ่งของหวานที่ห้ามพลาด

ร้านแมงโก้สโนว์เฟลกไอซ์ ดูชื่อง่ายๆร้านจำหน่ายน้ำแข็งใส สีเหลืองตั้งเด่นเป็นสง่ามีหลากหลายสาขาให้ลิ้มลองกันค่ะ เมนูแนะนำคงต้องเป็นน้ำแข็งใสผลไม้รวม 190 เหรียญ

รัตน์เดินออกจากโรงแรมที่อยู่คือ Dandy Hotel ต้นอันพาร์คมาเรื่อยๆจนถึงสถานีตงเหมิน ซึ่งมีร้านอาหารเพียบ ร้านทำผม ร้าน Din Tai Fong ที่สาขานี้ก็คนเยอะอยู่นะะ

ราคาสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ยแค่น้ำแข็งใส

บรรยากาศภายในร้าน

ร้านมีสองชั้นค่ะ นั่งข้างบนดีกว่านะ

คือชามมันใหญ่ยักษ์มากในความเป็นจริงแล้ว (กินได้ 2-3 คน)

ทางรถไฟสาย ผิงซี เส้นทางแสนสวย ชมความน่ารักของหมู่บ้านโบราณกัน

ทางรถไฟสายผิงซี 平溪 ถ้าพูดถึงขึ้นมา ถ้าใครชอบเที่ยวกับบริษัททัวร์อาจจะไม่รู้จักได้ แต่ถ้านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเที่ยวเองแล้วนั้น เส้นทางนี้เป็นจุดหนึ่งในไฮไลท์ที่ใครที่มาไต้หวันจำเป็นต้องแวะมาค่ะ

อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้คนมาเที่ยวที่นี่ ช่วงเดือน 2 จะมีเทศกาลลอยโคมผิงซีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของไต้หวันค่ะ เฮ้ยที่ภาคเหนือก็มีลอยโคมยี่เป็งเหมือนกัน (ใช่เลยค่ะ ที่ไทยก็มียี่เป็งเหมือนกันแต่ไต้หวันพยายามสร้างการลอยโคมผิงซีให้เป็นวัฒนธรรมต่างๆ มีทางรถไฟสายเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยที่ถูกยึดครองจากญี่ปุ่น แถมสถานีจิ่งถงนั้นยังเป็นสถานีที่อนุรักษ์ไว้ให้เป็นไม้ ไม่ได้ดัดแปลงอะไร ซึ่ง จิ่งถงจะเป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสายผิงซี ก็เวลาจะไปก็แนะนำให้เที่ยวที่นี่ไปจนถึงสายฉือเฟิ่น แต่ละที่มีความสวยงามคล้ายกัน มีสเตชั่นในการปั๊มสแตมป์

เมื่อลงที่สถานี Badu ป้าตู ตามรูปที่รัตน์วงกลมสีแดงไว้ให้ได้เลยค่ะ

หากวางแผนจะเดินทางไปเส้นทางนี้ ช่วงเช้าอาจจะเที่ยวที่นี่ แล้วตอนบ่ายๆค่อยนั่งรถไฟเปลี่ยนสายที่ ป้าตู ไปยังจิ่วเฟิ่นก็จะได้ความสวยงามอีกแบบหนึ่งค่ะ

เราซื้อ Oneday Pass พอถึงสถานี รุ่ยฟางแล้วนั้น สามารถเดินทางไปตามสถานีแล้วขึ้นรถไฟขบวนสายผิงซี (สังเกตได้เป็นขบวนที่ตกแต่งสีสันสวยงาม เล็กๆ) แล้วตั๋วต้องเก็บไว้ตลอดเวลานะคะเพราะมีนายสถานีคอยเก็บตั๋วของเราเช็คอยู่ตลอดเวลาค่ะ

เดินทางตามรอยวานวานเช่นกันกับที่นี่ค่ะ ระหว่างการเดินทางรัตน์ได้พบผู้คน และได้พบเพื่อนใหม่เพิ่ม 2 คนจากฮ่องกงค่ะ การเดินทางจากไทเปไปที่ผิงซีใช้เวลาตั้งแต่ 08.05-10.20 น. ค่ะ

โดยผ่านสถานีดังนี้
Taipei Main Station – > Songshan – > Nangang – > Xika – > Xizhi – > Wudu – > Baifu – > Qidu – > Badu (เปลี่ยนสายด้วยนะคะจากตรงนี้เพื่อไปสถานีต่อไป) -> Nuannuan – > Sijiaoting -> Ruifang ลงที่สถานนี้ค่ะ แล้วต่อไปผิงซีจากที่นี่นะคะไปดูภาพกันดีกว่าค่ะ

 

ขึ้นรถไฟที่สถานี Taipei Main Station

 

One Day Pass เที่ยวตลอดสายผิงซีค่ะ

 

ไปไต้หวันกันนะคะ

ก่อนอื่นก่อนที่จะไปที่สถานี Ruifang นั้นต้องไปต่อรถไฟก่อนที่สถานี Badu ค่ะ ป้าตู ฟังดีๆ ป้าตู

(เห็นสองสาวด้านข้างมั้ยเอ่ย….. )

เดินตามทางที่รัตน์โพสรูปไว้ได้เลยค่ะรับรองไม่หลงทาง สำหรับใครที่อ่านจีนไม่ออกนะคะ เพราะรัตน์ไปเองก็อ่านไม่ออกซักตัว อ่อ อ่านออก หนึ่ง สอง สาม สี่ ….. คน พระจันทร์ อ่านออกแค่นี้แหละ แฮะๆ แต่เชื่อได้ค่ะไม่หลงแน่นอนรัตน์ไปคนเดียวยังไม่หลงเลย ถามคนโน้น คนนี้เอาตามทาง

To Pingxi line, please take train at Platform 2 เค้าบอกให้ไปที่ชานชาลา 2 นะคะ

เห็นละด้านบนป้ายชานชาลาเขียนว่า PINGXI LINE

เราเริ่มเที่ยวที่สถานีสุดท้ายของเส้นนี้คือสาย Jingtong ระหว่างทางรัตน์ได้ทำความรู้จักกับสองสาว ชาวฮ่องกงค่ะ ได้มาเป็นเพื่อนเดินทางกันล่ะ ^^ + 2 company

เป็นสายน่ารักๆค่ะ ดูสีสันของรถไฟที่นั่งไปผิงซีสิคะ

ที่สถานีเค้าอนุรักษ์นะคะ เป็นสถานีเก่าแก่เลยเป็นไม้ๆ

มีการซื้อกระบอกไม้ไผ่ให้เขียนคำอธิษฐานแล้วมาแขวนค่ะ

มีโปสการ์ดเป็นไม้ๆด้วยน้า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชอบไต้หวันคืองานศิลปะเล็กๆน้อยๆแบบนี้ค่ะ ซึ่งแสดงถึงตัวตนของแต่ละสถานที่ที่ไปออกมาได้อย่างดี อันนี้ก็ออกมาในรูปแบบของที่ระลึกค่ะ

น่ารักกุ๊กกิ๊กจังเลย

 


ขายกระบอกข้าวหลาม เอ้ยไม้ไผ่ 40 เหรียญเองอ้ะ

มาถึงแล้วก็ประทับซักหน่อย

มาตามรอยวานวานที่นี่สวยมากๆเลยค่ะควรค่าแก่การมาถ่ายรูปนะ

เรามาแล้วก็แบบว่า ปิดค่ะ อยากจะร้องไห้เลยจริง T ^ T  เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปค่ะ

อย่าลืมซื้อใข่เหล็กกลับมาทานกันนะคะ รัตน์ยังไม่เคยลองหรอก อิอิแต่ทุกคนบอกโอเคเลย และนำมาเป็นของฝากกันค่ะ

ยังคงอยู่ที่สถานีจิ่งถง รอรถไฟมารับไปสถานีต่อไปค่ะ

มีของน่ารักๆเพียบเลยนะ

อร๊ายยเพนกวิ้นน่ารักมากๆเลยค่ะ กับน้องกวาง น้องแกะ > [] < !! กรี๊ดๆๆ

ยังมีจุดให้เดินถ่ายรูปและเดินตามแนวธรรมชาติอยู่นะคะ

อันนี้เป็นของฝากเฉพาะของที่นี่ค่ะ คล้ายๆกับที่หมู่บ้านแมวเลย เพราะว่าแต่ก่อนแถวๆนี้นั้นเป็นแหล่งถ่านหินมาก่อนก็จะมีหินมากค่ะ เลยมีการทำหินต่างๆขึ้นมาเป็นที่ระลึกค่ะ ก็แบ่งอีกหินนี้ขอพรเรื่องอะไรก็ว่าไปค่ะ (คืออ่านไม่ออก เค้าพูดภาษาจีนกันสนุกสนานเลย T^T)

เอาล่ะค่ะพาเพื่อนๆมาที่ Lover’s Bridge กันนะคะ

เพื่อนคนฮ่องกงที่มาด้วยก็เจอกรุ๊ปคนฮ่องกงที่มาเที่ยวเองถ่ายรูปให้เค้า เราเลยแอบถ่ายคนถ่ายรูปซะหน่อย

ในที่สุดรถไฟก็มา ปู๊นๆ ไปสถานีต่อไปกันเถอะค่ะ

มีห้องน้ำด้วยน้าสถานีต่อไปคือสถานีผิงซีค่ะ


ถึงสถานี ผิงซี แล้วค่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านน่ารักๆเล็กๆค่ะ ^^

ไฮไลท์คือผู้คนชอบมาลอยโคมกันที่บนทางรถไฟค่ะ อยากเขียนคำออธิษฐานก็เขียนเลยสี่ด้านเต็มๆ

เพื่อนชาวฮ่องกงของรัตน์ก็ไม่พลาดที่จะมาปล่อยโคมเหมือนกันอ้าวลอยแล้วๆ

ระหว่างที่เพื่อนชาวฮ่องกงของรัตน์กำลังเขียนคำอธิษฐานกันอย่างตั้งใจรัตน์ก็ออกมาหาวิวถ่ายรูปอย่างตั้งใจเช่นกัน เมื่อกี้เรานั่งผ่านทางแบบนี้มาหรือเนี่ยหันหลังกลับไปก็จะได้วิวแบบนี้

หมู่บ้านเล็กๆน่ารักๆ

 

น่ารักอ้ะ

มีขายสัญลักษณ์ของเมืองเพียบเลยค่ะ

DSC02310

แต่ละอันก็มีความหมายแตกต่างกันออกไป

เดินมาเรื่อยๆหิวจังเลย ได้แวะร้านที่เพื่อนสาวชาวฮ่องกงเป็นคนชี้ๆตรงนี้มีร้านอาหารกินได้ๆ แล้วก็สั่งให้ค่ะ ได้ข้าวผัดกับบะหมี่แบบไต้หวันมา รสชาดจืดๆ (ก็ทานได้ในแบบที่รัตน์ชอบทานรสไม่จัดโอเคอยู่ แต่เพื่อนคนไหนชอบกินแบบรสชาติจัดๆขอให้เตรียมกระปุกน้ำพริกส่วนตัวมาด้วยนะคะ)

เพื่อนชาวฮ่องกงแวะซื้อของฝาก รัตน์ก็แอบแว่บไปถ่ายรูป อิอิ

รอสถานีต่อไปกันค่ะ จะมีตารางเวลาอยู่ค่ะ

DSC02456

DSC02457

สถานีสุดท้ายที่คนเยอะมากๆ ซือเฟิ่นผู้คนก็มากกว่าคึกคักกว่าค่ะ

ไต้หวันก็ไม่แพ้ไทยเรื่องนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวจีนค่ะ ก็แย่งๆกับเค้าหน่อยนะคะ

เดินไปนิดหน่อยจะมีวิวสะพานสวยๆค่ะ นอกจากนั้นยังมีน้ำตกด้วย วันที่รัตน์ไปฝนดันตกลงมาค่ะ ดีที่พกร่มมาด้วย

แย่หน่อยที่สองสาวชาวฮ่องกงแอบกลัวความสูง เลยไม่กล้าข้ามไปอีกฝั่ง เราเลยได้เดินเล่นตามสถานีแทนค่ะ

ของกระจู๊กกระจิ๊กน่ารักๆ

หลังจากเสร็จภาระกิจที่เส้นทางรถไฟสายผิงซี รัตน์ก็เริ่มต้นภาระกิจตามซื้อของฝากจากเพื่อนๆที่ฝากซื้อขนมกันมาค่ะ  โดยบอกเลยว่าน้ำหนักแอบขึ้นและเอียนขนมพายเค้กสับปะรดจนถึงทุกวันนี้เพราะชิมไปหลายยี่ห้อมากๆในวันเดียว ดีที่มดไม่ขึ้นเตียงน้า

รัตน์แนะนำสำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบวันเดียวไปเลยคุ้มๆ ก็นั่งรถไปต่อที่สถานี Houtong เพื่อไปเที่ยวหมู่บ้านแมวกันได้เลยนะคะ ตามนั้น

ตามรอย Spirit Away ที่เมือง จิ่วเฟิ่น

เดินทางมาเรื่อยๆออกจากสถานี Zhongxiao Fuxing ให้หาทางออกประตูที่ 1 ออกจากสถานีปุ๊บ ให้เราหันหน้าไปทางห้างโซโก้สีเขียว และเดินเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยังสี่แยก ที่หัวมุมจะเจอร้านเสื้อผ้า ให้เดินเลี้ยวซ็ายไปเรื่อยๆจะเจอที่ขึ้นรถบัสหมายเลข 1062 ซึ่งจะมุ่งตรงไปยังจิ่วเฟิ่น ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไฟให้เมื่อยค่ะ ค่าใช้จ่ายต่อหัว 102 เหรียญ (วิธีการเดินทางเพิ่มเติมด้านล่างนะคะ แล้วแต่ทางเลือก ความชอบของแต่ละคนเลย)

DSC01482

ลงรถที่เซเว่นตรงที่คนลงเยอะๆ แต่ต้องผ่านสถานีรถไฟไปก่อนนะคะ พอเจอสถานีรถไฟจะเห็นมีนักท่องเที่ยวมากมายขึ้นมาบนรถบัสกันค่ะ ป้ายต่อไปคือจิ่วเฟิ่นแล้วล่ะ

DSC01493

จิ่วเฟิ่น มีของพื้นบ้านขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก อาหารร้านรวงข้างทางก็ค่อนข้างมากอยู่พอสมควร ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้มีเห้นขายอยู่เจ้าเดียวคือ หอยย่างค่ะ ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว เดินไปเรื่อยๆตามทางจะเจอสถานพักชมวิวแลจะได้วิวที่สวยสุดๆมาดังในอัลบั้ม (**รูปทั้งหมดถ่ายจากมือถือ #iphone4s แบตหมดก่อนค่ะกล้อง) รวมถึงใกล้ๆกับที่ชมวิวนั้นจะมีร้านคาเฟ่ต์ชาอยู่มากมายตามไหล่ทางของเขา

DSC01496

หากเบื่อแล้วในการเดินที่ถนนนี้สามารถนั่งรถบัสขึ้นไปยังพิพิธภัณฑ์เหมืองทองได้ค่ะ อยู่กันไม่ไกล (นั่งรถหลงไปทางนั้น)

DSC01505

DSC01512

 

ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยคงจะต้องแนะนำให้ไปนั่งโรงน้ำชาที่ติดกับวิวภูเขา ซึ่งบรรยากาศโคตรจะดีสุดๆค่ะ สามารถใช้บัตร Easy Card ในการชำระเงินทั้งขาไปและขากลับ มีแฟนเพจถามเข้ามาว่าขากลับนั้นจะไปยืนรอตรงนั้น เพื่อนๆสามารถเดินเลี้ยวขวาจากในซอกซอยนั้นออกมา ผ่านหน้าเซเว่นตรงไปเรื่อยๆจะเจอป้ายรถบัสอยู่ทางด้านซ้ายมือตรงกันข้ามค่ะ

DSC01487

 

DSC01541

DSC01540

DSC01539

DSC01538

DSC01537

DSC01536

DSC01535

ไข่ต้มใบชาล่ะ
DSC01534

DSC01533

DSC01532

DSC01528

DSC01525

DSC01524

DSC01521

ใครมาก็ได้ลองทายเนอะเมนูนี้
DSC01520

DSC01519

DSC01518

DSC01517

DSC01516

DSC01515

DSC01513

DSC01508

ตรงนี้เป้นที่พักค่ะระหว่างหัวเลี้ยวถ้าหากบอกดีๆค่ะ

DSC01507

DSC01504

 

มีขายพู่กันด้วยค่ะ

ด้านล่างจะเป็นบรรยากาศจากกล้อง Iphone 4s ค่ะ

20140513_070914828_iOS
20140513_045948357_iOS
20140513_052544233_iOS
20140513_053917755_iOS
20140513_053922631_iOS
20140513_054618613_iOS
มาลองไอศครีมโบราณกันดีกว่าน้า
20140513_055624873_iOS
20140513_060016793_iOS
20140513_060050226_iOS
ตรงนี้เป็นโรงแรมที่อยู่ติดเนินวิวสวยๆ
20140513_060129304_iOS
20140513_060217588_iOS
20140513_060538887_iOS
มานั่งทานชา กับข้าวกลางวันดู O v O

20140513_060644396_iOS
20140513_060647854_iOS
20140513_060723083_iOS
20140513_061520137_iOS
20140513_062104038_iOS
ข้าวเยอะคุ้มๆ อร่อยดีค่ะ

20140513_065417236_iOS
20140513_065422275_iOS
20140513_065449956_iOS
20140513_065519136_iOS
20140513_065827380_iOS
20140513_065838776_iOS
20140513_065902593_iOS
20140513_065928599_iOS
เป็นวิวด้านนอกค่ะเดินเลียบๆเคียงๆมาค่ะ
20140513_070319668_iOS
20140513_070359327_iOS
20140513_070406133_iOS
20140513_070457408_iOS
20140513_070512586_iOS
เดินกลับออกมา
20140513_070545649_iOS
20140513_070555875_iOS
20140513_070600004_iOS
20140513_070609995_iOS
ไปที่ไหนต้องเจอเจ้าน้องหมาตัวใหญ่แบบนี้

20140513_070723976_iOS
20140513_070732009_iOS
20140513_070903954_iOS

หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไต้หวันเมือง จิ่วเฟิ่น นั้นถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งแรงบรรดาลใจในการสร้างเมืองในเรื่อง Spirit Away เลยล่ะค่ะ มาดูฉากกันต่อฉากดีกว่า ตรงนี้เป็นฉากที่ จิฮิโระเดินเล่นในเมืองตอนที่ผ่านอุโมงค์มาแล้ว พ่อแม่เธอไปนั่งกินข้าวในนี้แล้วกลายเป็นหมูซะงั้นล่ะ

sen-to-chihiro-streets

ฉากมาจากทางเดินเล็กๆในจิ่วเฟิ่นนั่นเองล่ะค่ะ คล้ายๆกันเลยมีโคมไฟแดงตลอดการเดินทาง

street-inspiration

จิฮิโระอยากจะช่วยพ่อแม่ของเธอ เธอได้เข้าไปทำงานในโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องคอยบริการแขก คอยล้างห้องน้ำ ซึ่งฉากโรงอาบน้ำก็มาจากร้านน้ำชาที่จิ่วเฟิ่นนั่นเอง ทำให้ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกงต่างต้องมากันค่ะ

bath-house

ก็คล้ายๆนะนิ

bathhouse-inspiration

วิธีการเดินทาง : 
โดยรถบัส : ขึ้นแถวสถานี Zhongxiao Fuxing ออกมาทางออก 2 เดินข้ามถนนมาเรื่อยๆ จะเจอจุดขึ้นรถหมายเลข 1062 นะคะ นั่งรถไปจิ่วเฟิ่นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยประมาณ (หากรถไม่ติด)
โดยรถไฟ : ขึ้นรถไฟที่สถานี Taipei Main Staion / Nangnag Station จากนั้นนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Ruifang แล้วนั่งรถบัสขึ้นไปไม่นานก็ถึงค่ะ
โดยแท็กซี่ : ไปขึ้นแท็กซี่ได้แถวๆสถานี Zhongxiao Fuxing จะมีคุณลุงคนขับแท็กซี่มาเรียกลูกค้าแล้วหารเฉลี่ยกันไปได้เช่นกัน

150

 

Daughter Cafe คาเฟ่ต์น่ารักๆตามรอยหนัง Taipei Exchanges 第36个故事

ทำไมเวลาการเดินทางไปไต้หวันมันช่างหมดวันเหลือเกิน การเดินทางมาที่นี่นั้นตามหนังสือเที่ยวไทเปของสองสาวชาวจีนที่ได้มาเที่ยวที่ไทเปและเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวของพวกเธอผ่านตัวการ์ตูนสีน้ำสุดแสนจะน่ารัก คาเฟ่ต์ที่สร้างเพราะการถ่ายทำหนัง มันดูคล้ายๆซีรีย์เกาหลีเลยเนอะ

รัตน์และซันจ้าค่อยๆนั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลมาลงที่สถานีสนามบินซงซานขึ้นมาปุ๊บก็เจอกระเป๋าเดินทางยักษ์อยู่ด้านหน้าค่ะ ออกมาก็เปิด Google Map เลยด่วนเพราะหลงทางเอาง่ายๆ ตามหนังสือบอกว่าเดินนิดเดียวเอง ที่ไหนได้เดินไกลเอาเรื่องเหือนกัน ส่วนใครอยากไปลองขึ้นจากสถานีนั้นแล้วเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่ถนน Fujing กันดีกว่านะคะ

ตลอดเส้นทางถนนเส้นนี้สวยงามสงบค่ะ มีต้นไม้ตลอดสองข้างทาง มีร้าน Pop Up Store ทั้งเสื้อผ้า และคาเฟ่ต์น่ารักๆอยู่มากมาย ถนนที่มีอิฐเป็นสีน้ำตาล ช่างตัดกับต้นไม้สีเขียวอ่อนๆซะจริงๆ มารู้จักตั๋วเอ๋อคาเฟ่ต์กันเถอะค่ะ

คาเฟ่ต์นี้เป็นร้านที่สร้างขึ้นเพื่อหนังเรื่อง Taipei Exchanges 第36个故事 ของไต้หวัน เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง ที่เปิดร้านกาแฟด้วยกันและเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น หลังจากที่หนังจบ แต่ผู้กำกับก็อยากยังคงร้านนี้เอาไว้ จึงได้เกิดร้านน่ารักอีกแห่งขึ้นมาให้ชาวไทเป และนักท่องเที่วมานั่งจิบกาแฟ (คล้ายๆ Coffee Prince เลยมั้ยคะ)

มีที่จอดจักรยานด้วยน้า

ร้านตกแต่งน่ารักๆแบบนี้เค้าก็มีข้อห้ามว่าห้ามถ่ายรูปติดหัวลูกค้าท่านอื่นรัตน์เลยได้ภาพมาไม่มากค่ะ
(รวมถึงได้ทานอะไรมาบ้างแล้วเลยสั่งน้อย)
ชาและเครื่องดื่มรสชาดโอเค 3 ดาวละกันค่ะ ถือว่าได้มากินบรรยากาศค่ะ

 

 

 

 

 

ตามรูปรัตน์สั่งขนมสโคนทานคู่กับชานมสูตรของทางร้าน ไหนๆก็ไหนๆแล้วยังไม่ได้ซื้อไข่มุกจากที่ไหนซักที่เลยอ่ะเลยสั่งที่นี่ก่อนกลับละกันเนอะ สังเกตุมาหลายแล้วจะเห็นว่ามีตระกร้าที่เอาไว้ใส่ของสำหรับใส่สัมภาระ ใส่กระเป๋าแล้ววางไว้ที่พื้นค่ะ ที่นี่ก็มีให้เหมือนกัน

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี สนามบินซงซาน สายสีน้ำตาล
(เราจะได้เห็นชิงช้าสวรรค์ของห้างมิราม่าด้วยค่ะ) แล้วตามแผนที่มาค่ะ http://goo.gl/UtRoFz
วันเวลาที่เปิดให้บริการ : จันทร์ – อาทิตย์ : 10:00-21:00

ไต้หวัน ประเทศกุ๊กกิ๊กในใจฉัน

สวัสดีค่ะ อยากจะแนะนำให้รู้จักไต้หวันกันซักหน่อยว่า ไต้หวันมีความกุ๊กกิ๊กยังไง แล้วทำไมถึงต้องไปเที่ยวกันนะคะ

ไต้หวันเป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่กลางทะเลแปซิฟิก ด้านซ้ายล่างเป็นฟิลิปปินส์ ซ้ายบนเป็นจีน ขวาบนคือเกะาโอกินาว่า ถ้าให้พูดถึงไต้หวันทางลักษณะทางภูมิศาสตร์แล้วนั้น เป็นเกาะที่มีทะเลรายล้อม ในประเทศเป็นลักษณะภูเขาสลับกัน จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เป็นภูเขาสวยสดงดงามรอให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยว

สำหรับส่วนของอารยธรรมและวัฒนธรรมถือได้ว่าเป็นลูกครึ่ง ระหว่างพี่จีนและพี่ยุ่นก็ว่าได้ มีความเป็นจีนจากคนจีนยุคก่อนที่หนีและเบื่อการเมืองมาตั้งรกรากที่นี่ รวมถึงได้รับอารยธรรมจากญี่ปุ่นที่เคยยึดครองไต้หวันไว้ ทำให้ไต้หวันมีอะไรดีๆมากๆมายจากญี่ปุ่น เช่น สถานที่ที่มีร่องรอยวัฒนธรรมญี่ปุ่น, การคมนาคม , การแช่ออนเซน, การทำขนม ทำให้ไต้หวันสำหรับฉันแล้วนั้นก็เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาจีนเท่านั้น

ครั้งแรกที่ได้ไปไต้หวัน ฉันนั้นเดินทางไปกับบริษัททัวร์ ซึ่งทุกคนที่ชอบเดินทางคนเดียวก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าการเที่ยวทัวร์นั้นแตกต่างจากการไปไหนมาไหนเองอย่างสิ้นเชิง แตกต่างกันแค่เพิ่มการบริการและการเดินทางที่ง่ายมากขึ้นก็เท่านั้น แต่ถึงจะมากับทัวร์ เราก็ได้อะไรกลับไปจากประเทศเล็กๆที่ผู้คนใจดีนี้ไปมากมาย เกิดอาการ Culture Shock ก็ว่าได้

เด็กในเมืองหลวงเมืองฉัน สิ่งที่ต้องการหาก็คงหนีไม่พ้นธรรมชาติ สีเขียวๆล่ะนะ การที่เกิดมาได้รายล้อมไปด้วยตึกราบ้านช่อง ถนนที่สกปรก ผู้คนที่ไม่มีระเบียบ และรีบร้อนก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันนั้นรักไต้หวันขึ้นตลอดเวลาทุกการเดินทางที่ได้ไปก็รู้สึกดีกับไต้หวันได้ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้รู้สึกว่ามันกุ๊กกิ๊ก

อาหาร : กุ๊กกิ๊ก

(ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต)

ใครๆก็รู้กันอยู่แล้วเนอะว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีตลาดกลางคืนมากมาย มีสีสัน อาหารใส่ถ้วยเล็กๆ ขนมเค้กและขนมต่างๆก็ออกแบบทำมาได้น่ารักๆ ในราคาสุดแสนจะน้อยนิด

ค่าครองชีพ : กุ๊กกิ๊กๆ
ค่าครองชีพของไต้หวันนั้นถือได้ว่าราคาเทียบเท่าได้กับไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ ทำให้เราสามารถไปเที่ยวได้สบายๆ เรทเงินไม่ต่างกันมากถือได้ว่าไปไต้หวันไม่ต้องคิดมากเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน

ผู้คน : กุ๊กกิ๊ก

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

อย่างที่ได้เกริ่นไปค่ะว่า คนที่นี่มีนิสัยน่ารัก โอบอ้อมอารี ลากพาไปที่ๆเราอยากพาไปได้เลยโดยเค้ามีจิตอาสาค่อนข้างเยอะ และถูกปลูกฝังให้ทำตามกฏและมารยาทได้ดีและสุดๆ

ถนนหนทาง : กุ๊กกิ๊ก
ระหว่างการเดินทางไปไต้หวัน ทั้งทางจะมองเห็นศิลปะอยู่ตลอดเวลา ประเทศอะไรศิลปินเยอะจริงๆ ขนาดรถไฟฟ้ายังทำให้มีศิลปะขึ้นมาได้เลยค่ะ

และอีกมากมายที่ไต้หวันที่รอให้คุณไปตกหลุมรัก สำหรับฉันแล้วคนที่ทำงานเกี่ยวกับศิลปะนั้นการไปไต้หวันแต่ละครั้งถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆอย่างหนึ่งที่เปิดใจให้กว้างมากยิ่งขึ้นไปแต่ละครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันซะเหลือเกิน