Home Blog Page 3

มัดรวมเมนูเด็ด พร้อมเช็คอินแหล่งวัฒนธรรม ดินแดนแห่งหุบเขา ตามรอยภาพยนตร์โฆษณา “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน”

มัดรวมเมนูเด็ด พร้อมเช็คอินแหล่งวัฒนธรรม ดินแดนแห่งหุบเขา ตามรอยภาพยนตร์โฆษณา “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน”

ถ้าเอ่ยถึงเดสติเนชั่นที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลจากประเทศไทย เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวไทยคงหนีไม่พ้น “ไต้หวัน” นอกจากจะเป็นดินแดนแห่งหุบเขาที่มีธรรมชาติสวยงามรายล้อมอยู่ทั่วทุกพื้นที่แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางขวัญใจของสายกิน และสายมู ที่หลั่งไหลกันเข้ามาเพื่อสัมผัสลิ้มรสอาหารดั้งเดิม และขอพรเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับพรสุดปังกันอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (กทท.) จะพาไปเปิดตำนานความอร่อยจากเมนูอาหารขึ้นชื่อ และวัฒนธรรมความเชื่อ ตามแบบฉบับแนวคิด Just Eat และ Just Feel ผ่านภาพยนตร์โฆษณา “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน” เรื่องราวความสนุกและประทับใจของการมาเยือนไต้หวันที่ถูกเล่าผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ซุปตาร์อารมณ์ดี บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แบบจัดเต็มครบทุกมิติภายใต้ 4 แนวคิด Just Fun, Just Eat, Just Shopping และ Just Feel  รวมทุกไฮไลต์ของการท่องเที่ยวทั่วทุกภาคที่ควรค่าแก่การมาสัมผัสกันที่ไต้หวันกันสักครั้ง

  • ตะลุยกินให้ฟินสุดไปกับ 4 เมนูเด็ดมิชลินสตาร์และสตรีทฟู้ดขึ้นชื่อ

           ไฮไลท์ของภาพยนตร์ “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน” ได้นำพาทุกคนไปตระเวนแหล่งของกินสุดอร่อย เริ่มต้นด้วยหมาล่า ถ้าสายหมาล่ามาไต้หวันต้องกรีดร้องเพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะเจอกับร้านชาบูหมาล่า หลากหลายสไตล์อยู่ทั่วทุกแห่งหน บอกเลยว่าแต่ละร้านพกสูตรเด็ดเป็นเอกลักษณ์มาให้เลือกแบบไม่ซ้ำจนต้องตามเก็บความฟินกันแทบทุกร้านเลยทีเดียว โดยมีให้เลือกทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ และ แบบ A La Carte รับรองเผ็ดลิ้นชาถึงใจอย่างแน่นอน

ถัดมา ชานมไข่มุก สไตล์ไต้หวัน เมนูยอดฮิตที่ใคร ๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือสัญลักษณ์ของไต้หวัน อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นดั่งลมหายใจของคนทั่วโลกไปแล้วเรียบร้อย ด้วยรสชาติที่หอมหวานกลมกล่อมอันเป็นเอกลักษณ์จากใบชาไต้หวันแท้ ทานคู่กับไข่มุกหนึบหนับ จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าใครที่มีโอกาสได้มาที่ไต้หวันแล้วไม่ได้กินชานมไข่มุก ถือว่ามาไม่ถึงกันเลยทีเดียว

สายหิวยามดึกสบายใจได้ เพราะที่นี่มีของว่างเอาใจสายหิวตอนกลางคืนอย่าง ไก่ป็อปสไตล์ไต้หวัน ไก่ทอดแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับซอสสไตล์ไต้หวันแท้ สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามความต้องการ และยังมีกับแกล้มที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินให้ฟินสุด ๆ อย่าง กระเทียมและใบโหระพา การันตีเลยว่าเมนูนี้อร่อยเพลินจนลืมอิ่ม นอกจากนี้ยังมีอาหารทานเล่นอีกมายมายที่รอให้ทุกคนได้มาลิ้มลองไม่ว่าจะเป็นเค้กเลือดหมู, ปลาหมึกทอด, โต้วกาน (เต้าหู้แห้ง) เป็นต้น

และขอปิดท้ายเมนูสุดว้าวของชาวไต้หวันอย่าง หลู่โร่วฟ่าน อาหารท้องถิ่นชื่อดังขวัญใจย่านสตรีทฟู้ดที่ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงใครที่ได้กินเป็นต้องติดใจไปกับรสชาติอันแสนละมุนกลมกล่อมของหมูตุ๋นซอสเห็ดหอม ราดบนข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมด้วยเครื่องเคียงที่หลากหลาย หาทานได้ทุกที่ในไต้หวัน

  • เปิดจุดเช็คอินเอาใจสายมูที่วัดดังพร้อมสูดออกซิเจนให้เต็มปอดไปกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

ดินแดนแห่งวัฒนธรรมและประเพณี อีกหนึ่งมุมมองที่เราได้เห็นผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ สะท้อนเรื่องราวสุดอัศจรรย์ที่ชวนให้มาสัมผัสกันที่ไต้หวันทั้งเรื่องความเชื่อและความศรัทธาผ่านการไหว้เทพเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ตามวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาคอาทิ วัดหลงซาน (Longshan Temple), วัดเสียไห่เฉิงหวง (Taipei Xia-Hai City God Temple), วัดต้าหลงต้ง เป่าอัน (Dalongdong Bao’an Temple) และวัดสิงเทียน (Xingtian Temple) เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจและขอพรกับเทพเจ้าให้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ทั้งการงาน ความรัก การเงิน รวมถึงสุขภาพอีกด้วย และหากใครที่อยู่ในวัยเรียนก็มักจะมาไหว้กันก่อนสอบโดยนำบัตรเข้าห้องสอบมาวางไว้บนโต๊ะเทพเจ้า เพื่อขอพรจากเทพเจ้าให้โชคดีในการสอบและคุ้มครองให้คะแนนออกมาดี นอกจากไต้หวันจะมีวัฒนธรรมทางศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังยึดถือในเรื่องคุณงามความดีตามขนบธรรมประเพณีอันเก่าแก่ดั้งเดิมอีกด้วย

นอกจากนี้ยังพาทุกคนลัดเลาะไปกับป่าธรรมชาติ ดินแดนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงามและรายล้อมอยู่ทั่วทุกพื้นที่ไม่เว้นแม้แต่ในตัวเมือง จึงทำให้ไต้หวันเป็นที่ชื่นชอบของสายท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาค้นหาความอัศจรรย์และสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจไปกับเส้นทางหุบเขาลำเนาไพร ไฟทอนไซด์ในป่าเขา ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุหลายร้อยปี และระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์จากป่าธรรมชาติหลากหลายแห่งทั้งในตัวเมืองและนอกเมืองอาทิ เขาเซี่ยงซานและเขาหู่ซานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตึกไทเป 101 และอาลีซานเขาทางตอนใต้ที่ปาราฎอยู่ในคลิปภาพยนตร์ “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวัน” เป็นต้น นอกจากจะได้ชมความงามสูดออกซิเจนบริสุทธิ์แล้วในแต่ละที่ยังมีกิจกรรมสุดแอดเวนเจอร์ยอดฮิตอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา การปั่นจักรยาน บอกเลยว่างานนี้ขาลุยเตรียมตัวออกเดินทางไปประเดิมกันทั่วทุกภาคได้เลย

สามารถรับชมภาพยนต์โฆษณา “All is just right in Taiwan…ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวันเพิ่มเติมได้ที่

Just Eat :

Just Feel :

 

ไต้หวันเป็นสถานที่ที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายน่าค้นหา มีธรรมชาติที่สวยงาม และมีอาหารอร่อยรสชาติเป็นเอกลักษณ์ หากมีโอกาสต้องลองมาสัมผัสเสน่ห์ของการท่องเที่ยวตามแบบฉบับของไต้หวันกันดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องประทับใจจนอยากกลับมาซ้ำกันอีกแน่นอน สามารถติดตามข่าวสาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดของทางไต้หวัน ได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook : Taiwan Tourism TH อ่านข้อมูลท่องเที่ยวไต้หวันเพิ่มเติมทาง www.flymetotaiwan.com

ตะลอนทัวร์ 11 จุดเช็คอิน เกาสง-ไถหนาน เพลิดเพลินมนต์เสน่ห์ภาคใต้ ‘ไต้หวัน’ เก็บทุกร้านเด็ด แลนด์มาร์คดังแบบไม่มีเอาท์

ตะลอนทัวร์ 11 จุดเช็คอิน เกาสง-ไถหนาน
เพลิดเพลินมนต์เสน่ห์ภาคใต้
‘ไต้หวัน’
เก็บทุกร้านเด็ด แลนด์มาร์คดังแบบไม่มีเอาท์

 

‘ไต้หวัน’ ไม่ได้มีเพียงแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตและร้านอาหารชื่อดังที่ภาคเหนือ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมที่ภาคกลาง หรือความอัศจรรย์ของธรรมชาติแค่ภาคตะวันออกเท่านั้น แต่ยังมีความสนุกมาพร้อมกับบรรยากาศสุดชิลล์รอให้ทุกคนได้ไปเยือนเพื่อสัมผัสเสน่ห์อันน่าหลงใหลกันที่ภาคใต้กันอีกด้วย สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน รวมร้านเด็ด แลนด์มาร์คดังเอาใจสายแอคทิวิตี้แห่งเมืองชื่อดังทางตอนใต้ เกาสง และ ไถหนานเตรียมทำเช็กลิสต์และออกเดินทางค้นพบความตื่นตาตื่นใจรูปแบบใหม่ที่หลากหลายและไม่ซ้ำใครกันได้เลย

เกาสง เกาใจ รวม 8 แลนด์มาร์คดังขวัญใจสายเช็คอิน พร้อมให้ลุยกิจกรรมแอคทิวิตี้สุดชิค

  • อวดฝีมือ DIY ทำร่มสุดเก๋ที่ โรงงานร่มน้ำมันก่วงจิ้นเซิ่ง Kuang Chin Sheng (廣進勝) ปัจจุบันที่เหม่ยหนงเหลือโรงงานที่ผลิตร่มกระดาษน้ำมันอยู่เพียง 5 แห่งเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือที่ก่วงจิ้นเซิ่งพร้อมรอต้อนรับผู้มาเยือนให้สัมผัสวิถีการผลิตร่มน้ำมันอันเก่าแก่ด้วยตนเอง เหมาะสำหรับติดมือกลับไปเป็นของฝากชิคๆ พร้อมถ่ายรูปเช็คอินอวดบนโลกโซเชียลได้อีกด้วย

  • ถัดมาไม่ไกลจากโรงงานร่มน้ำมันจะพบกับแหล่งธรรมชาติอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทะเลสาบเหม่ยหนง Meinong Lake (美濃湖ทะเลสาบเทียมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเกาสง รองจากทะเลสาบเฉิงซิง ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ชมนกที่สวยงามที่สุดในภาคใต้ เนื่องจากช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปีจะมีนกอพยพมากมาย อาทิ นกอีล้ำ นกคู้ต นกเป็ดผีเล็ก เป็นต้น กิจกรรมที่ห้ามพลาดของที่นี่คือ การปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ ตกปลา และเดินกินลมชมวิวอย่างเพลิดเพลิน

  • สายมูห้ามพลาดสะสมแต้มเสริมบุญบารมีให้ชีวิตราบรื่นด้วยการไหว้พระขอพรที่วัดหินเถียนเหลียว Tianliao Stone Temple (田寮石頭廟) เป็นวัดที่ก่อสร้างด้วยหิน ปะการัง และเปลือกหอย กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีจุดไฮไลต์เป็นสะพานหินทอดยาวสามารถรับชมความงดงามของรูปปั้นมังกร รูปปั้นปลาทอง ปลาในสระน้ำ ตลอดจนทิวทัศน์ของขุนเขาบริเวณวัดได้อีกด้วย
  • ตามรอยประวัติศาสตร์โบราณที่พิพิธภัณฑ์รถไฟน้ำตาลฉีซาน Qishan Station Sugar Railway Museum (旗山糖鐵故事館) อาคารสไตล์ตะวันตกเก่าแก่ผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่น วิคตอเรียน และโกธิคเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งหลังจากที่สถานีรถไฟปิดตัวลงในปี 1978 ได้มีการปรับปรุงและซ่อมแซมให้กลายเป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ อาทิ บริการให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว การขายสินค้า และบริการเช่าจักรยาน เป็นต้น

  • แวะชิมอาหารท้องถิ่นให้พุงกางที่ถนนสายโบราณฉีซาน Qishan Old Street (旗山老街) แหล่งรวมอาหารและขนมพื้นถิ่นแบบดั้งเดิม จุดเด่นอยู่ที่ขนมที่ทำจากกล้วย บะหมี่เป็ดตุ๋นสไตล์ไต้หวัน หมั่นโถว ตลอดจนเอาใจสายสตรีทฟู้ดให้อิ่มหนำสำราญด้วยร้านอาหารแสนอร่อยสไตล์ไต้หวันแท้สูตรต้นตำรับอีกมากมาย นอกจากนี้ ถนนโบราณฉีซานยังรายล้อมไปด้วยอาคารโบราณหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านดิน สถาปัตยกรรมบาโรก และสถาปัตยกรรมสไตล์หมิ่นหนาน

  • ย่านช้อปปิ้งซินเจว๋เจียง Shinkuchan Shopping Street (新崛江商圈) แหล่งสินค้านำเข้าที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยอดีต เนื่องจากติดกับท่าเรือใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาย่านนี้จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตขวัญใจวัยรุ่น โดยรวบรวมสินค้าแฟชั่นหลากหลาย อาทิ เครื่องประดับ เสื้อผ้า แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดัง ร้านเครื่องสำอาง และร้านอาหารท้องถิ่นเจ้าดัง ตลอดจนสไตล์ของถนนยังมีความคล้ายคลึงกับฮาราจุกุ ประเทศญี่ปุ่น และซีเหมินติงอีกด้วย

  • แลนด์มาร์คสุดชิคย่านอ่าวใหม่แห่งเอเชีย Asia New Bay Area (亞洲新灣區) ที่ตั้งของย่านธุรกิจซานตัวและทางใต้อยู่ติดกับสนามบินนานาชาติเกาสง ภายในมีห้างสรรพสินค้าป่านเสิน (Hanshin Department Store) และโรงแรม Grand Hilai Kaohsiung สุดหรูหราโดดเด่นอยู่ใจกลาง จัดเป็นย่านศูนย์กลางห้างของเกาสงเลยก็ว่าได้ เพราะจัดเต็มไปด้วยร้านค้าชั้นนำ ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าอยู่ล้อมรอบ สะดวกต่อการเดินทางเข้ามาใช้บริการ โดยในอนาคตทางรัฐบาลเกาสงจะมีการเปิดตัวโครงการ “หย่าวาน 2.0” ที่มีการร่วมมือครั้งใหญ่กับรัฐบาลกลาง เพื่อยกระดับย่านอ่าวใหม่แห่งเอเชียให้กลายเป็นจุดศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของไต้หวันห้ามลืมมาเช็กอินที่

  • ห้ามลืมมาเช็คอินที่หมู่บ้านศิลปะเว่ยอู่อิ๋ง Weiwuying Street Art Village (衛武迷迷彩繪村) สัมผัสความงามด้านศิลปะสไตล์ไต้หวันแท้และนานาชาติ โดยใน ค.ศ. 2016  ได้มีการจัดงานเทศกาลศิลปะ Wallriors Street Art Festival เพื่อเชิญเหล่าบรรดาศิลปินน้อยใหญ่ทั้งในและต่างประเทศมาร่วมประชันฝีมือและสร้างสรรค์งานศิลปะเป็นผลงานจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ รวมถึงรังสรรค์ศิลปะจากวัตถุสาธารณะ ทำให้ปัจจุบันมีภาพวาดผนังมากถึง 135 ภาพ และยังเป็นชุมชนจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่แห่งแรกในไต้หวันที่ควรค่าแก่การมารับชมด้วยตาของตัวเองอีกด้วย

เที่ยวตามรอยประวัตศาสตร์ดั้งเดิมของไต้หวันแบบไม่ซ้ำใคร พร้อมชอปปิงให้จุใจ ที่ไถหนาน

  • ตัวแม่ขาชอปต้องร้องว้าวกับห้างสรรพสินค้าฮายาชิ HAYASHI (林百貨ห้างแห่งแรกของทางภาคใต้ไต้หวัน เป็นห้างสรรพสินค้าเชิงวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นดีไซน์แปลกใหม่ รวมถึงชั้นดาดฟ้ายังมีศาลเจ้า “โม่กวั่งเซ่อ” ให้ขึ้นไปสักการะได้อีกด้วย
  • ตามรอยประวัติศาสตร์ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมหอกลอง Ten Drum Cultural Village (十鼓文創園區) หมู่บ้านศิลปะและวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นใหม่จากโรงงานน้ำตาลช่วงยุคนิคมของญี่ปุ่น มีโกดังเก่า 22 โกดัง และโรงงานน้ำตาล ปัจจุบันถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสนุกที่มีกิจกรรมมากมาย ถูกใจทุกช่วงวัย ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ได้มีการสืบสานมรดกทางอุตสาหกรรมและกลองโบราณดั้งเดิมของไต้หวันเลยทีเดียว
  • เอาใจสายชิลล์ด้วยการเดินทอดน่องชมสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย Chimei Museum (奇美外庭園區) แหล่งงานศิลปะตะวันตกหลายแขนง ทั้งเครื่องดนตรี สัตว์สตัฟฟ์ อาวุธสงคราม หรือของสะสมในอดีต โดยบริเวณด้านนอกถูกออกแบบตกแต่งด้วยสไตล์ตะวันตกได้อย่างสวยงาม และในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปีมีการจัดงานฉลองเทศกาลคริสต์มาส เรียกว่าเป็นเดสติเนชั่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

            รับประกันเลยว่าไต้หวันจะเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นท่องเที่ยวที่เติมเต็มสีสันความสนุก พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้คุณได้อย่างครบถ้วน หากนึกอยากพักผ่อนกายและใจ เพื่อเพิ่มพลังหรือปลุกอะดรีนาลีนรับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่าลืมจูงมือคนรัก เพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัว ซื้อตั๋ว เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางมาสู่ไต้หวันกันได้เลย โดยสามารถติดตามข่าวสาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดของทางไต้หวัน ได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism TH

ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะกับ ToCoo! Rent A Car

ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะกับ ToCoo! Rent A Car

มา ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ กันค่ะ ไปคนเดียวก็เที่ยวได้หลังจากปีกกล้าขาแข็งไปขับที่ไต้หวันมาแล้ว ตอนนั้นขับพวงมาลัยซ้าย ขับรถญี่ปุ่นอาจจะต้องดูเรื่องความเร็วในการขับกันหน่อยนะคะ สัญญาณการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ดูจักรยานตามถนน การเว้นระยะเวลาจอดรอสัญญาณไฟระหว่างรถอีกคัน ที่นี่เค้าเว้นห่าง 2-3 เมตรเลยที่เห็นค่ะ ไม่มีใครมาจี้ใคร ไม่มีแทรก ต้องบอกว่าเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นนั้นมีหลากหลายวิธี การเดินทางโดยรถไฟยังเป็นหนึ่งในการเดินทางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมกัน เพราะได้ชมวิวทิวทัศน์ในการเดินทาง ได้สัมผัสประสบการณ์ในการนั่งรถไฟ เราต้องมีแพลนท่องเที่ยวค่อนข้างเป๊ะนิดนึงเพราะรถไฟของญี่ปุ่นตรงเวลามาก รวมถึงต้องคำนวนเวลาในการเที่ยวอีกด้วยว่าจะมีรถกลับกี่โมง ต้องเดินกลับจากสถานที่ท่องเที่ยวใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ สำหรับรัตน์เป็นพวกหลกเลี่ยงความยุ่งยากและชอบการเดินทางที่ไม่มีเวลามากำหนดเท่าไหร่ สายชิลๆ เลยเป็นเหตุผลให้รัตน์เลือกที่ใช้บริการรถเช่า
เพื่อออกแบบการเดินทางเองได้ไม่จำกัดเวลา

เช่ารถขับฮิโรชิมะ

ถึงแม้การขับรถเดินทางท่องเที่ยวจะไม่มีเวลาเดินทางมากำหนด แต่ยังต้องคำนึงถึงเรื่องสถานที่จอดรถ เวลาเปิด-ปิดของสถานที่ต่างๆ เอาไว้ด้วยค่ะ และคำนวนเวลาในการขับรถของเรา และเรื่องบัตรทางด่วนที่อาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้ามา อย่าลืมลองติดตามโปรโมชั่นบัตรทางด่วนของภูมิภาคต่างๆ ที่ขนโปรโมชั่นลดราคาออกมาให้เราได้จับจองและขับรถเที่ยวแบบสบายกระเป๋ากันด้วยนะคะ

รัตน์เช่ารถขับ 5 วันค่ะ เดินทาง 2 จังหวัด
คือฮิโรชิมะกับยามากุจิ ขับไปทั้งหมด 402km
ค่าน้ำมันโดนไปประมาณ 6,000 เยนเติมพรีเมี่ยม
ค่าทางด่วนจัดไป 11,400 เยน
ค่าเช่ารถ 51,200 เยนค่ะ
สามารถติดตามแพลนการเดินทางได้ทาง เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines 7 วัน 6 คืนแบบขับรถ
โดยเช่ารถกับเว็บไซต์ ToCoo! Rent a Car เว็บไซต์เช่ารถเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น สำหรับใครที่ไม่อิงว่าจะต้องขับของแบรนด์ไหนก็สามารถลองเข้ามาส่องราคาของเว็บไซต์นี้กันได้เลยค่ะ สำหรับแผนราคาทางด่วนกับ ToCoo! เช็คได้ทางเว็บไซต์ คลิก!
ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ อย่าลืมไปทำใบขับขี่สากลกันก่อนที่จะไปขับรถที่ญี่ปุ่นนะคะ
รายละเอียดวิธีการทำใบขับขี่สากล คลิก

ขั้นตอนการจอง ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ กับ ToCoo! 
ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ

หลังจากเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์แล้วให้กรอกรายละเอียดสถานที่ในการรับรถของเราค่ะโดยรัตน์ไปรับและส่งคืนที่สนามบินฮิโรชิมะตามตัวอย่างด้านล่างเลยค่ะ
ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ
หลังจากเลือกรายละเอียดครบถ้วนแล้วอย่างสถานที่รับ-คืนรถก็อย่าลืมเรียกวันและเวลาในการเช่ารถด้วยนะคะหลังงจากที่เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คลิก “ค้นหารถเช่า”ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะระบบจะทำการค้นหารถเช่าที่ว่างในวันละเวลาที่เราเลือกเอาไว้เราก็ทำการเลื่อนดูราคาและรถที่อยากจะเช่าขับค่ะหลังจากนั้นกด จองเลย
เมื่อกดที่จองเลยก็ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ในระบบค่ะ รอบแรกจะมีออฟชั่นให้เราเลือกเยอะเลยว่าอยากจะเพิ่มออฟชั่นอะไรบ้าง เช่นที่นั่งสำหรับเด็ก GPS เครื่องอ่านบัตร ETC  เลือกตามที่เราจำเป็นต้องใช้ รวมถึงพวกค่าประกันรถต่างๆ ด้วยค่ะ จองเสร็จแล้วก็พร้อม ขับรถเที่ยวฮิโรขิมะ กันได้เลยค่ะ 😀 จองไม่ยากขั้นตอนจบใน 5 นาที
(ไม่รวมเวลาเราเลือกรถ)
ขั้นตอนการรับรถ นำใบจองไปตามที่ระบุไว้ในอีเมล์ว่ารับที่ไหน สำหรับสนามบินฮิโรชิมะ ต้องเดินเลี้ยวขวาออกมาจากจุดที่เราลงเครื่องนิดนึงค่ะ มาที่โซนเครืองจำหน่ายตั๋วรถบัสเข้าเมือง เดินมาเล็กน้อยจะเป็นจุดรับรถ เอกสารที่ต้องใช้รับรถคือ
พาสปอร์ต ใบขับขี่สากล ใบขับขี่ไทยประกอบ ใบจองรถค่ะ
ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ
จุดรับรถที่สนามบินฮิโรชิมะค่ะ
จองรถของนิสสันมา
หลังจากเสร็จกระบวนการตรวจบุ๊คกิ้งทางเจ้าหน้าที่จะเรียกเรราไปรับรถที่จุดรับรถ
น้ำมันที่ต้องเติมดูได้จากตรนี้
มารับรถที่ Nissan Rent A Car ค่า
ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ
รับรถแล้วก็ขับเที่ยวญี่ปุ่นกันได้เลย
 จอง ขับรถเที่ยวฮิโรชิมะ ได้ทาง https://www2.tocoo.jp/th/?asp_id=928
เอาส่วนลดมาฝากด้วยกรอก : DKB1E6
ลดไป 1,000 เยน สำหรับยอดจองมากกว่า 10,000 เยนค่า

เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines 7 วัน 6 คืนแบบขับรถ

เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines 7 วัน 6 คืนแบบขับรถ

#แจกแพลนเที่ยวฮิโรชิมะ
เดือนกันยายนที่ผ่านมา รัตน์ได้มีโอกาสไปเที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines มาค่ะ ฮิโรชิมะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางภูมิภาคชูโกคุตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้อีกมากมายทั้ง โอคายาม่า ยามากุจิ ทตโทริ หรือจะไปโอซาก้าได้ในเวลาเพียง 2 ชมโดยรถไฟชินคันเซน ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ลองไปท่องเที่ยวกัน ไม่ใช่แค่ในเรื่องของประวัติศาสตร์นะคะ ยังมีเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม รวมถึงอาหารที่อร่อยมีเอกลักษณ์อีกด้วย ทั้งโอโคโนมิยากิ นาเบะสาเก หอยนางรมย์ตัวใหญ่ขึ้นชื่อ ลองตามรัตน์มาดูกันนะคะว่าทั้ง  7 วัน 6 คืน รัตน์มีไปสถานที่ไหนในฮิโรชิมะมาบ้าง โดยรัตน์เน้นเที่ยวชิลๆ เพราะขับรถเดินทางท่องเที่ยวเองค่ะ บินมาฮิโรชิมะโดยสายการบิน China Airlines ต่อเครื่องที่ไต้หวัน แล้วมาที่ฮิดรชิมะใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง 15 นาทีเท่านั้นค่ะ เวลาต่อเครื่องก็ชิลๆ เพียง 1 ชม. ครึ่ง ชิลมาก
Day 1
– กรุงเทพฯ-สนามบินเถาหยวน
– ไต้หวัน-สนามบินฮิโรชิมะ
– จากไทยไปไต้หวันใช้เวลา 3:40 ชม.

– ไต้หวันไปฮิโรชิมะใช้เวลา 2:15 ชม.

สำหรับใครไปญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะนั่งตรงยาวไปที่ญี่ปุ่นเลยใช่มั้ยคะ ครั้งนี้รัตน์ลองใช้บริการของสายการบิน China Airlines ดู ที่ใครหลายๆ คนกลัวว่าเรื่องต่อเครื่องจะวุ่นวาย เลยไปลองดูซักหน่อยว่าวุ่นวายจริงรึเปล่า

เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines
เริ่มต้นจากเดินทางออกจากประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะเรามุ่งหน้าไปต่อเครื่องที่ไต้หวันกันก่อนโดยใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่งนั่งเครื่องA330-300 ชั้นเดินทางแบบ Premium Busines Class ซึ่งทั้งขาไปกลับขากลับจะใช้เครื่องแบบเดียวกันค่ะ เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines
ความชอบคือเราค้นหาการเดินทางต่อเครื่องไปญี่ปุ่นเยอะมากแล้วก็ได้คำตอบว่าต้องเดินทางไกลมากแต่ไม่จริงอย่างแรงเพราะประตูที่เราไปลงนั้นเป็น Terminal 1 ก็จริงแต่เป็นประตูสุดท้ายที่ติดกับโซน Terminal 2 เลยทำให้เดินทางสะดวกมากๆ รัตน์ใช้เวลาเดินไปที่ห้องรับรองพิเศษเพียง 5 นาทีเท่านั้นหลังจากที่ลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติเถาหยวนเที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines
Day 2
Sankeien Garden, Hiroshima 三景園
Miyajima Island
Day 3
Kintaikyo Bridge
Orizuru Tower (Roof top)
เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines
Day 4
Hiroshima Toshogu Shrine 広島東照宮
Onomichi
Takehara Townscape Conservation Area
Hondori Shopping Street
Okonomimura
เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines เที่ยวฮิโรชิมะกับ China Airlines
Day 5
Atomic Bomb
Hiroshima Memorial Peace Park
Hiroshima Gatepark
Day 6
Saijo Sakagura Dori
ถ้าเกิดใครมาเที่ยวฮิโรชิมะโดยไม่เสียเวลามาลองชิมสาเกท้องถิ่นก็คงพลาดไปเลยค่ะฮิโรชิม่าเป็นหนึ่งในสามแหล่งผลิตเหล้าชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น ไซโจเป็นย่านของสาเกที่แท้จริงในฮิโรชิมะเป็นสัญลักษณ์ของ “เมืองแห่งสาเก” ในญี่ปุ่น งานเทศกาลสาเกชื่อเสียงที่จัดทุกปีในเดือนตุลาคมนี้ คุณจะได้ประสบการณ์สัมผัสภาพบรรยากาศแห่งไซโจที่ยังคงความสำคัญในโลกของสาเกระดับโลก ถึงแม้จะมาไม่ตรงกับช่วงเทศกาล เพื่อนๆ ยังสามารถเดินทางเที่ยวชมโรงสาเกกันได้เลยค่ะ สามารถชิมสาเกตามฤดูกาลต่างๆ ของไซโจได้ด้วย รัตน์อยู่บริเวณนี้แทบจะทั้งวัน ขับรถมาจากตัวเมืงอใช้เวลา 1 ชม. นิดๆ และที่ไม่พลาดเลยคือ สาเกนาเบะ เมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้ในจังหวัดฮิโรชิมะ โดยจะมีการนำสาเกไปใส่แทนซุปในเมนูนาเบะ มีกลิ่นแอลกอฮอลล์อ่อนๆ ใครที่ไม่ดื่มสาเกแบบรัตน์น่าจะชอบค่ะ
Day 7
Shopping ที่สนามบิน บินกลับกทม ค่า ที่สนามบินฮิโรชิมะนั้นมีจุดให้ซื้อของกลับบ้านด้วย หากใคครไม่ได้ซื้อของฝากจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ กลับมาที่นี่ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ร้านส่วนใหญ่เปิดให้ซื้อของได้ตอน 8 โมงเช้าเป็นต้นไปค่ะ
ทั้งหมดเที่ยว 13 ที่ใน Hiroshima
จริงๆ ในฮิโรชิมะยังมีสถานที่เที่ยว
และเมืองอีกมากมายรอให้ไปเที่ยวอยู่นะคะ
ใครอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเดินทางไม่เหนื่อย
ต่อเครื่องง่ายๆ China Airlines เค้าก็มีบิน
ไปญี่ปุ่นต่อเครื่องไต้หวันด้วยค่ะ
บินไปเที่ยวทั้งทีอย่าลืมทำประกันภัยการเดินทาง กันเอาไว้ด้วยนะคะ รัตใช้บริการของ
https://bit.ly/RattoWanderlust
MSIGตลอด เคลมง่าย ครอบคุมและราคาประหยัด
จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นกันเลยได้ตอนนี้ที่ https://www.china-airlines.com/
รอบนี้ขับรถเที่ยวเองค่ะ 5 วันขับไปทั้งหมด 402km ค่ะ
ค่าน้ำมันโดนไปประมาณ 6,000 เยนเติมพรีเมี่ยม ค่าทางด่วนจัดไป 11,400 เยน
ค่าเช่ารถ 51,200 เยนค่ะ จองรถขับได้ทาง https://www2.tocoo.jp/th/?asp_id=928
เอาส่วนลดมาฝากด้วยกรอก : DKB1E6
ลดไป 1,000 เยน สำหรับยอดจองมากกว่า 10,000 เยนค่า

แช่ตัวสุดฟิน โดนใจสายเฮลตี้ แจกพิกัด 13 บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน ที่ดีที่สุด

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน

แช่ตัวสุดฟิน โดนใจสายเฮลตี้ แจกพิกัด 13
บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน ที่ดีที่สุด

       ทำงานหนักมาทั้งปี ต้องหาช่วงเวลาที่ดีให้แก่ตัวเองได้รีเฟรชร่างกาย ฮีลจิตใจ เพื่อรับวันใหม่อย่างสดใสด้วย เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่า บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน มีเยอะมาก การแพลนทริปและออกไปเที่ยวกันดูสักตั้ง หากใครที่กำลังมองหาจุดหมายปลายทางของการไปพักผ่อนในครั้งนี้ ‘ไต้หวัน” ถือเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ฉบับคนมีเวลาน้อย เพราะบินเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศอย่างน่าอัศจรรย์ใจในดินแดนแห่งหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันแสนงดงามและสิ่งที่น่าค้นหาอีกมากมาย เรียกว่าไปแล้วคุ้มค่าอย่างแน่นอน ชวนทุกคนมาพักผ่อนหย่อนกายแช่ตัวสุดฟินรับไออุ่นไปกับ 13 น้ำพุร้อนไต้หวัน (溫泉)  ที่พร้อมเยียวยาร่างกายและจิตใจให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งปี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญจากชั้นใต้พื้นผิวโลก ช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพและปรนนิบัติผิวให้แลดูมีชีวิตชีวา นอกจากนี้บริเวณบ่อน้ำพุร้อนแต่ละแห่งยังมีร้านอาหารพื้นเมืองที่มีการนำเอาวัตถุดิบขึ้นชื่อของท้องถิ่นมารังสรรค์เสิร์ฟเป็นเมนูอาหารสุดพิเศษ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเปิดประสบการณ์ลิ้มรสอาหารที่หาทานได้ยาก ถือเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่คู่กับทุกบ่อน้ำพุร้อนทั่วทุกภาคเลยทีเดียว

  • ขึ้นเหนือฮีลกาย ฮีลใจ แช่น้ำพุร้อนท่ามกลางหุบเขา

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวันเริ่มต้นเดินสายพักผ่อนกันที่แรกด้วยบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดในไต้หวัน ซินเป่ยโถว (Xinbeitou Hot Springs) ตั้งอยู่ใจกลางนครนิวไทเป มีอาณาเขตกว้างขวางเหมาะแก่การมาเที่ยวชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสธรรมชาติจากบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายสไตล์ จนทำให้ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไต้หวัน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง หากใครมีโอกาสได้มาพักที่นี่อย่าลืมแวะลิ้มรสสารพัดเมนูเด็ดที่รังสรรค์ควมอร่อยจากไก่เลี้ยงสไตล์ไต้หวันวัตถุดิบโด่งดังประจำท้องถิ่น เรียกว่าใครมาแล้วไม่ได้ลองกินถือว่ามาไม่ถึงซินเป่ยโถวเลยละ

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน

มาต่อกันที่แลนด์มาร์คยอดฮิตในไทเปอย่าง บ่อน้ำพุร้อนหยางหมิงซาน (Yangmingshan Hot Springs) ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพชั้นยอดบนหุบเขาสูงที่อุดมไปด้วยทรัพยากรจากธรรมชาติ และทุ่งดอกคาลล่า ลิลลี่ ที่ผลิดอกบานสะพรั่งสวยงามให้เชยชมในทุกปี พร้อมให้แช่ตัวกันอย่างเพลิดเพลินโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนเท้าหลิวหวงกู่ (硫磺谷泡腳池) บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะเหลิงสุ่ยเคิง (冷水坑公共浴池) บ่อน้ำพุร้อนหม่าเฉา (馬槽溫泉) เป็นต้น

บ่อน้ำพุร้อนจินซาน (Jinshan Hot Springs) แห่งนครนิวไทเป ดินแดนที่เปรียบเป็นดั่งสวรรค์ของคนรักการแช่น้ำพุร้อนเป็นชีวิตจิตใจ โดยเป็นบ่อน้ำพุร้อนกำมะถันที่มีแร่ธาตุหายาก ที่ไหลเวียนอยู่ใต้พื้นพสุธา มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสุขภาพและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี และท้าสายฟู้ดเลิฟเวอร์ให้มาพิสูจน์ความอร่อยของเนื้อห่านวัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อแห่งจินซานที่ชาวพื้นเมืองมักจะนำไปปรุงรสเป็นอาหารจานเด็ดหลายหลายเมนู รับรองว่าต้องติดใจ

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน

บิวตี้เลิฟเวอร์ต้องกรีดร้องกับบ่อน้ำพุร้อนอูไหล ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘บ่อน้ำพุร้อนผิวสวย’ ว่ากันว่าใครที่ได้มาแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนอูไหลแห่งนี้ จะได้ผิวสวยกลับบ้าน เพราะมีแร่ธาตุที่เติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม มีออร่า และแลดูสุขภาพดี รวมทั้งอูไหลยังมีอาหารชนพื้นเมืองไต้หวันอย่าง “ชนพื้นเมืองไท่หย่า” ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสลิ้มรสความอร่อยกันในที่แห่งนี้อีกด้วย

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน

เดินทางมาถึงที่สุดท้ายของไต้หวันตอนเหนือกับ บ่อน้ำพุร้อนเจียวซี (Jiaoxi Hot Springs Par) แหล่งพักผ่อนหย่อนใจอันเต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า และประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานได้รับการขนานนามว่า ‘มินิเป่ยโถว’ โดยเป็นบ่อน้ำพุร้อนอัลคาไลน์ตามธรรมชาติ อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่หลากหลาย ล้วนมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะโพแทสเซียมคลอไรด์ และ โซเดียมซัลไฟด์ ช่วยปลุกกายปลุกใจให้มีชีวิตชีวา และยังเชื่อว่าหากได้แช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้จะพบว่าผิวและสุขภาพจะดีขึ้น โดยมี ‘ผักที่ปลูกบริเวณน้ำพุร้อน’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจียวซี ที่มีทั้งความสด และความหวาน อร่อยแถมดีต่อสุขภาพ

  • ปลดปล่อยความเหนื่อยล้า ด้วยสปาจากธรรมชาติที่บ่อน้ำพุร้อนไต้หวันภาคกลาง

ทางภาคกลางของไต้หวันก็มีบ่อน้ำพุร้อนให้หย่อนกายแช่ตัว ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าท่ามกลางธรรมชาติแบบใกล้ชิดอย่าง บ่อน้ำพุร้อนไท่อัน (Tai’an Hot Springs) ณ เหมียวลี่ ตื่นตาตื่นใจไปกับวิวทัศน์อันน่าอัศจรรย์ใจได้ในทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระที่บานสะพรั่ง วิวภูเขาหู่ซ่าน และภูเขาเหิงหลง นับว่าเป็นแหล่งน้ำพุที่ควรค่าแก่การมาเยือนกันสักครั้ง ก่อนกลับแนะนำให้ลองทานอาหารท้องถิ่นสไตล์ฮากกา (จีนแคระ) เมนูที่ถูกปรุงรสอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้อาหารจานพิเศษ บอกเลยว่าถ้าอยากสัมผัสรสชาติต้นตำรับดั้งเดิมต้องห้ามพลาด

สายสปาต้องห้ามพลาด บ่อน้ำพุร้อนกู่กวน (Guguan Hot Springs) แห่งเมืองไถจง แหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยราว 48 องศาเซลเซียส เหมาะกับการทำสปาตัวจากน้ำแร่ธรรชาติ ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาแช่ตัวกันมากที่สุดในภาคกลาง รวมถึงบริเวณใกล้เคียงยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์อย่างกู่กวน (Guguan Visitor Center) รับรองว่านอกจากสบายตัวแล้วยังได้เดินเล่น แชะภาพวิวสวยเช็คอินอวดบนโลกโซเชียลได้อีกด้วย

บ่อน้ำพุร้อนไต้หวัน

จบท้ายภาคกลางด้วย บ่อน้ำพุร้อนตงผู่ (Dongpu Hot Springs) แห่งเมืองหนานโถว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติอวี่ซาน (Yushan National Park)  พร้อมให้เพลิดเพลินไปกับการแช่บ่อน้ำพุร้อน และเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบครบจบในที่เดียวด้วยการลัดเลาะไปตามเส้นทางโบราณปาทงกวน (Batongguan Ancient Trail) และชมวิวน้ำตกสายรุ้งอันแสนงดงาม และนอกจากเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นแหล่งเพราะปลูกบ๊วยขึ้นชื่อในไต้หวันอีกด้วย จึงมีเมนูพิเศษที่รังสรรค์จากบ๊วยให้ได้ลิ้มรสกันแบบดั้งเดิมสุดๆ

  • ลงใต้ให้ธรรมชาติโอบกอดไปกับบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายสไตล์ตามแบบฉบับไต้หวัน

ลงใต้เที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกวนจื่อหลิง (Guanziling Hot Springs) แห่งเมืองไถหนาน บ่อน้ำพุร้อนโคลนแห่งเดียวในไต้หวัน รวมถึงเป็น 1 ใน 3 แห่งของโลก ที่มีประวัติศาสต์เก่าแก่อันทรงคุณค่ามากมาย โดยโคลนในที่แห่งนี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวสวย และดีต่อสุขภาพ จึงทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากชื่นชอบบ่อน้ำพุร้อนกวนจื่อหลินแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวในฤดูร้อนจะได้ชม “เทศกาลดอกบัวไป๋เหอ” และได้สัมผัสรสอาหารที่ทำจากดอกบัวในรูปแบบของคาวและของหวาน รับรองความอร่อย ดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนแน่นอน

น้ำพุร้อนปู้เหล่า (Bulao Hot Springs) และน้ำพุร้อนเป่าไหล (Baolai Hot Springs) แห่งเมืองเกาสง แลนด์มาร์คใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นน้ำพุร้อนที่มีสีใสชวนแช่กายแบบฟินๆ ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน ทำให้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแหล่งน้ำพุแห่งนี้มีโรงแรมและรีสอร์ทต่างเข้ามาพัฒนาและเปิดให้บริการอย่างมากมาย สำหรับอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นนี้จะเป็นอาหารที่ทำจากเผือก อาทิ เค้กเผือก น้ำแข็งใสเผือก และบิสกิตสอดไส้เผือก เป็นต้น

ปิดท้ายภาคใต้ด้วย บ่อน้ำพุร้อนซื่อฉงซี (Sichongxi Hot Spring Area) แห่งเมืองผิงตง ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาที่มีวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติสวยงาม พร้อมเปลี่ยนวันที่เหนื่อยล้า ให้เป็นวันแสนสบาย ด้วยการปล่อยใจแช่กายในน้ำพุร้อนที่มีน้ำใสกิ๊ง โดยอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงของที่นี่มีหลากหลายเมนูให้ทดลองชิมรสชาติแบบต้นตำรับอาทิไข่เป็ดเค็ม ปลา และกุ้งสดๆจากลำธารเป็นต้น

  • ล่องบ่อน้ำพุร้อนทางตะวันออก ให้ธรรมชาติเยียวยาจิตใจ พร้อมปรณบัติผิวให้สดใสมีชีวิตชีวากว่าที่เคย

ภาคตะวันออกของไต้หวันนั้นมีบ่อน้ำพุร้อนให้ได้ผ่อนคลายไม่แพ้ภาคอื่นๆ กับบ่อน้ำพุร้อนรุ่ยซุ่ย (Ruisui Hot Springs) ในเขตฮวาเหลียน บ่อน้ำพุร้อนคาร์บอเนตที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก พร้อมเสกผิวกายให้สดใส ผุดผ่อง มีชีวิตชีวา มีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง ใครที่มีโอกาสได้มา อย่าลืมลิ้มลองอาหารที่รังสรรค์จากไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ บอกเลยว่าไก่เนื้อนุ่มละมุนลิ้นสุดๆไปเลย

เดินทางมาถึงบ่อน้ำพุร้อนแห่งสุดท้าย บ่อน้ำพุร้อนจือเปิ่น Zhiben (Jhihben) Hot Springs แห่งเมืองไถตง ซึ่งต้องบอกเลยว่าที่แห่งนี้อัศจรรย์มากเพราะถูกค้นพบโดยบังเอิญจากชนพื้นเมืองเปยหนานในปี 1917 จนทำให้มีนักลงทุนเริ่มเข้ามาเปิดโรงแรมหลายแห่ง และได้มีการพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการแช่น้ำพุร้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำสปา อาบน้ำสมุนไพร หากแวะมาที่เขตไถตงต้องทดลองลิ้มรสเมนูอาหารที่รังสรรค์จากวัตถุดิบขึ้นชื่อของท้องถิ่นอย่างปลากระโทงดาบ และผลไม้ขึ้นชื่ออย่างน้อยหน่า รับรองว่าอร่อยไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เที่ยวเมืองเจียอี้ | เที่ยวเมืองหนานโถว 

เชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้อ่านมาถึงตรงนี้คงกำลังปักหมุดบ่อน้ำพุร้อนไต้หวันตามสไตล์ในแบบของตัวเองเพื่อไปปล่อยจิตปล่อยใจกันแล้วอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะได้หย่อนกายแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนฟินๆแล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามของไต้หวันในทุกสถานที่ที่ได้ไปเยือน รวมถึงยังมีอาหารท้องถิ่นที่หาทานได้ยากรอให้ทุกคนไปสัมผัสลิ้มรสกันดูสักครั้งอีกด้วย หวังว่า ‘ไต้หวัน’ จะได้เป็นหนึ่งเดสติเนชั่นจุดหมายปลายทางในใจของนักท่องเที่ยวทุกๆคน ทั้งนี้สามารถติดตามอัปเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวกิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวของไต้หวันที่ไม่ควรพลาดได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism TH

###

วิธีการจองตั๋วรถไฟ THSR แบบลดราคาล่วงหน้ากับ Klook

วิธีการจองตั๋วรถไฟ THSR แบบลดราคาล่วงหน้ากับ Klook

วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาจองตั๋วรถไฟความเร็วสูง HSR แบบลดราคาจากแอปพลิเคชั่น Klook หรือจะผ่านเว็บไซต์ก็ได้สะดวกเหมือนกันค่ะ ว่าแต่ทำไมถึงนั่งรถไฟความเร็งสูงล่ะ รถสาธารณะอื่นๆ ไม่มีเหรอ คำตอบคือมีค่ะ ทั้งรถไฟปกติรถบัส ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถเดินทางได้รอบทั่วไต้หวันเลย แต่สำหรับรถไฟความเร็วสูงนั้น จะวิ่งอยู่จากภาคเหนือไล่ภาคตะวันตกมาจนถึงภาคใต้เมืองเกาสง และปัจจัยที่ทำให้การใช้บริการรถไฟความเร็วเข้ามาเป็นตัวเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวคือเรื่องของ เวลา ค่ะ ซึ่งการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงจะช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น และแพลนเที่ยวได้ไม่ยากขึ้นเลยด้วยค่ะ

สะดวกสบายและเร็วแบบนี้ทุกคนอาจจะคิดว่าตั๋วอาจจะราคาสูง  ซึ่งก็ถูกต้องแล้วค่ะที่ราคาจะสูงกว่าการเดินทางแบบอื่นๆ เลยมาแนะนำการจองผ่าน Klook ซึ่งจะมีโปรโมชั่นและการจองที่นั่งได้ถูกกว่าจองที่หน้าเคาท์เตอร์ สะดวกกว่ายื่นหน้าจอ ให้พนักงานแล้วรับตั๋วได้เลยค่ะ มาดูวิธีการจองกันค่ะ

IMG_7971.png

อันดับแรกเราเข้าไปที่เว็บไซต์ Klook กดค้นหาไปที่ไต้หวัน

หัวข้อ Transportation เลือก ตั๋วรถไฟความเร็วสูง THSR
ขั้นตอนการจองบัตรโดยสารรถไฟความเร็วสูงไต้หวันแบบลดราคาวิธีการจอง
1. เลือกสถานีต้นทาง และปลายทาง จากห้าการจองหน้าแรกค่ะ
2. เลือกจำนวนคนที่จะเดินทางทั้งหมด
3. กด “จองตอนนี้” หรือกดใส่ตระกร้าเพื่อช้อปปิ้งต่อ
4. หลังจากทำการจองเสร็จให้ทำตามขั้นตอนถัดไปค่ะ


📲 หลังจากจองเสร็จเรียบร้อยไปที่หน้า
1. My Booking
2. เลือก See Voucher
3. เลื่อนไปที่หัวข้อ How to use กดลิ้งค์ของเว็บรถไฟความเร็วสูงเพื่อจองรอบรถไฟกับวันที่เราจองไว้ใน Klook ค่ะ * เลือกวันเดินทางให้ถูกต้องก่อนชำระเงินใน Klook นะคะ
4. เมื่อเข้าไปในเว็บรถไฟความเร็วสูงแล้วให้ใส่ Redeem Code อยู่ในหัวข้อ Confirmation Detail หน้าการจองใน Klook เป็นตัวหนังสือ 7 ตัวพร้อมตัวเลข 1 ตัวค่ะ + นามสกุลในการจอง เท่านี้เราก็จะจองเสร็จเรียบร้อย ทั้งใน klook และบนระบบของรถไฟความเร็วสูง
5. การรับตั๋ว ให้ไปต่อแถวที่บริเวณช่องจำหน่ายตั๋ว แสดง QR Code หน้า See Voucher ให้พนักงาน และยืนยันการจองกับพนักงานอีกครั้ง เราก็จะได้ตั๋วรถไฟของเราค่ะ ~
.
🚄 ถ้าจองครั้งแรกได้แล้ว รอบต่อไปก็ง่ายเลยล่ะค่ะ รวดเร็ว ประหยัดกว่า อุ่นใจได้ที่นั่งแน่นอนเพราะจองมาล่วงหน้า ใครมีแพลนเดินทางไปไต้หวัน ลองใช้บริการรถไฟความเร็วสูงของไต้หวันดูได้ค่ะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางเที่ยว 🇹🇼

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในการเดินทางเที่ยวโดยรถไฟความเร็วสูง
พาเที่ยวหนานโถว เมืองในหมอก ภาคกลางของไต้หวัน

ขับรถเที่ยวไต้หวัน ไถจง 6 วัน 5 คืน พ่วงหนานโถว เถาหยวน Taichung 6 Days 5 Nights

[China Airlines] เที่ยวเกาสงใน 1 วัน ทริปที่เดินตามแพลนเราไปได้เลย

Chiayi เที่ยวเจียอี้ เมืองน่ารัก มุมถ่ายรูปเพียบ นึกว่าอยู่ญี่ปุ่น

Chiayi เที่ยวเจียอี้ เมืองน่ารัก มุมถ่ายรูปเพียบ นึกว่าอยู่ญี่ปุ่น

Chiayi city เที่ยวเจียอี้ เมืองน่ารัก มุมถ่ายรูปเพียบ นึกว่าอยู่ญี่ปุ่น

กลับมาอีกแล้วค่า ครั้งนี้พาเพื่อนๆ มารู้จักและ เที่ยวเจียอี้ เมืองที่อยู่ทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บ้านเรือนญี่ปุ่นเยอะมาก รวมถึงเป็นเมืองหน้าด่านให้เราขึ้นไปวนอุทยานแห่งชาติอาลีซานอีกด้วย 🌲

เที่ยวเจียอี้
สถานที่หลากหลายแห่งสามารถเดินมาจากสถานีรถไฟได้เลย



ต้องบอกก่อนว่ารัตเคยมา เที่ยวเจียอี้ Chiayi city แค่ครั้งเดียวเมือง 9 ปีที่แล้ว สมัยเที่ยวไต้หวันครั้งแรกค่ะ จำได้ว่า เรานั่งรถมาพักที่โรงแรมเมืองเจียอี้ ช่วงเย็นบริษัททัวร์ก็พาไปกินข้าวหน้าไก่งวง อาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้ ได้กลับมาอีกครั้งเลยตื่นเต้นมาก เพราะรอบนี้ไม่ได้เป็นการแวะพักเพื่อขึ้นไปอาลีซาน แต่ได้เที่ยวตัวเมืองจริงๆ ค่ะ ที่เที่ยวคือน่ารัก บ้านเมืองน่ารัก อาหารการกินครบ มีตลาดกลางคืนด้วย เหมาะกับการแวะมาพักซักคืนสองคืนแล้วไปเที่ยวที่อื่นต่อ

การเดินทางมาเมืองเจียอี้

จากไทเป : Taipei
รถไฟความเร็วสูง : นั่งมาได้เลยประมาณ 1 ชม. 44 นาทีค่ะ ราคาบัตร 964 บาท / คน (แนะนำวิธีนี้ค่ะ)
– รถไฟธรรมดา : ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม.
– รถยนตร์ : 3 ชม.

จากเกาสง : Kaohsiung จริงๆ แล้วรัตน์อยากแนะนำเส้นนี้มากกว่าค่ะเที่ยวเน้นเก็บภาคใต้ไปเลย ไม่เสียเวลาในการเดินทางมาก
รถไฟความเร็วสูง
 : 35 นาที ราคาบัตร 394 บาท/ คน

สำหรับเรื่องราวต่างๆ ทำไมเจียอี้ถึงมีความเป็นญี่ปุ่นกรุบเยอะจัง เรื่องคือช่วงสมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวันอยู่ ญี่ปุ่นก็ได้ค้นพบว่า วนอุทยานแห่งชาติอาลีซานนั้น มีไม้ฮิโนกิคุณภาพดีๆ อยู่บนเขา เลยหาวิธีการนำกลับไปญี่ปุ่นเพื่อขนไปใช้งานต่อ เลยมีการสร้างเส้นทางรถไฟเพื่อขนส่งไม้ โดยเมืองที่ใช้สำหรับการแปรรูปไม้ให้เป็นท่อนๆ อบให้แห้ง เก็บก่อนส่งก็ต้องเป็นเมืองที่เป็นสถานีเริ่มต้นในการเดินทางอย่างเมืองเจียอี้นี่แหละค่ะ คนญี่ปุ่นเลยทำการสร้าง ซาบาทำการ วัด บ้านเรือน อยู่แถวๆ สถานีซะเลย เพื่อให้คนงานจากญี่ปุ่นที่มาอยู่ไต้หวันได้ทำงานสะดวกสบาย แถมยังมีการขุดบ่อน้ำพุร้อนแช่ตัวกันในเมืองเจียอี้อีกด้วย

แล้วเจียอี้มีอะไรให้เที่ยวบ้างนะ ? นอกเหนือจากโพสเก่าที่เคยแนะนำเจียอี้ Chiayi ไปแล้ว รอบนี้รัตน์ลงสนามพร้อมลุยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามนี้เลยค่ะ

Museum of Old Taiwan Tiles
พิพิธภัณฑ์กระเบื้องลายโบราณ 臺灣花磚博物館

เที่ยวเจียอี้

พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมกระเบื้องลวดลายสีสันสวยงามจากสมัยก่อน มีนำมาจากเนเธอร์แลนด์ด้วยบ้าง พิพิธภัณฑ์กระเบื้องนำเสนอประวัติศาสตร์อันยาวนานของกระเบื้องไต้หวันในสถาปัตยกรรมโบราณ จัดแสดงผลงานศิลปะจากแผ่นกระเบื้องต่างๆ และความหวังที่ครั้งหนึ่งเคยฝังอยู่ในแผ่นกระเบื้องเหล่านั้น

ตรงนี้ก็ไปยกถอดมาจากหน้าบ้านของบ้านสมัยโบราณกันมาเลยทุกคน
บริเวณที่จัดแสดงชั้นล่าง เข้ามชมพิพิธภัณฑ์ต้องถอดรองเท้าก่อนนะคะ
โถงบริเวณชั้นสอง สามารถขึ้นมาชมได้ค่ะ
กระเบื้องเยอะมากๆ
มีค่าเข้าชมด้วยนะคะ 100TWD

นอกเหนือจากนั้นรัตน์ได้มีโอกาสทำ DIY เข็มกลัด เป็นของตัวเองด้วยค่ะ มูลค่า 500TWD มีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์อยู่ที่100TWD ค่ะ ต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้ชั้น 1 ~ หากใครไม่อยากทำ DIY ก็ลองจัดของที่ระลึกงานฝีมือ งานอาร์ตลวดลายกระเบืื้องกลับบ้านกันดูได้ รับรองหาที่ไหนไม่ได้เลยค่ะ

เที่ยวเจียอี้

สรุป
ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่านกระเบื้อง
ได้ฝึกสมองฝั่งความคิดสร้างสรรค์จุดถ่ายภาพเยอะมาก สวยด้วย
ของฝากมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
วันเวลาทำการ ปิดทุกวันอังคาร 10:00-17:30 .
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BHD2Hu2L51skw8cC8?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : เดินทางจากสถานีรถไฟ Chiayi Station ใช้เวลาเดิน 10 นาทีถึงค่ะ
ค่าเข้าชม 112 บาท

Chiayi City Historical Relic Museum
หอจดหมายเหตุโบราณสถานเมืองเจียอี้
昭和十八J18-嘉義市史蹟資料館

นี่เราอยู่ไต้หวันจริงๆ ใช่มั้ยทุกคน
ของจริงสวยมากค่ะ
ที่นี่ตั้งอยู่ในสวนเจียอี้ค่ะ 😀 มาที่เดียวเที่ยวได้หลายที่เลยนะ

ที่นี่เป็นโบราณสถานระดับจังหวัด อาคารประวัติศาสตร์อันล้ำค่าอีกแห่งหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้เคยสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยปกครองไต้หวัน ก็คือซากปรักหักพังของศาลเจ้าชินโตในสวนเจียอี้ค่ะ มาเมืองเจียอี้ Chiayi นี่คือให้ความรู้สึกเหมือนกำลังย้อนอดีต เรียนรู้เกี่ยวกับสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวันเอามากๆ ค่ะ เมื่อช่วงเช้ารัตน์แวะไปที่โรงงานตัดไม้ฮิโนกิมาและก็มาที่นี่ต่อเลย Chiayi City Historical Relic Museum

เที่ยวเจียอี้

ที่นี่สร้างขึ้นในปี 1943 ปีโชวะ 18 เป็นอาคารที่สวยมากๆ ใช้ไม้ฮิโนกิ มีอาคารสไตล์ญี่ปุ่นสองหลังแบบ “Shoin-zukuri” ซึ่งใช้เป็นโถงรับรองแขกและสำนักงานบริหารของศาลเจ้า Chiayi ในช่วงสมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน นอกเหนือจากนั้นยังมีอาคารที่เป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของเมืองเจียอี้อย่าง หอคอยยิงตะวัน Sun-Shooting Tower 嘉義公園射日塔 ที่เป็นหอคอยขนาดสูง 62 เมตร ถ่ายภาพด้านในสวยมาก มีทั้งหมด 11 ชั้นสามารถชมวิวเมืองเจียอี้ได้360 องศา จริงๆ เดิมทีแล้วช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวันบริเวณนี้ให้เป็นศาลเจ้าเจียอี้ค่ะ และถูกเปลี่ยนเป็นศาลบูชาทหารผ่านศึกในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเกิดเพลิงไหม้จึงบูรณะใหม่ให้กลายเป็นแบบปัจจุบัน เอาไว้ชมวิวสำหรับด้านล่างของหอคอยยังคงสามารถเข้าไประลึกถึงทหารผ่านศึกในสมัยก่อนได้ด้วยค่ะ ตัวหอยคอยได้รับแรงบันดาลใจจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์บนเขาอาลีซาน ลวดลายอะลูมิเนียมสีน้ำตาลเปรียบเสมือนเปลือกของต้นไม้ ตรงกลางด้านในสามารถภ่ายภาพมุมเสยขึ้นไปเห็นเป็นเส้นนำสายตาสวยมากมาย

เรายังอยู่ไต้หวันกันอยู่ใช่มั้ย

– เช่ากิโมโนใส่ได้
– ร้านคาเฟ่ มีขนม ข้าวแกงกะหรี่เพียบ
– ห้องจัดแสดงงานศิลปะ
– ร้านหนังสือ
– ร้านไอศครีม
– ถ่ายภาพกับหอคอยยิงตะวัน

จำหน่ายของที่ระลึกน่ารักๆ
เที่ยวเจียอี้
นักท่องเที่ยวท่านหนึ่ง แผนที่ท่องเที่ยวเจียอี้คือไม่ใหญ่มาก เที่ยวง่ายไม่ยากค่ะ
ศึกษาประวัติศาสตร์กันได้ ดูแผนที่แล้วก็ได้กลิ่นไม้ฮิโนกิหอมไปทั่วเลยล่ะค่ะ
หอคอยยิงตะวันค่ะ เสียดายวิ่งตามกรุ๊ปทัวร์เลยไม่มีโอกาสได้ไปถ่ายภาพในนี้ค่ะ
เช่ากิโมโนใส่ได้ราคา 500TWD ค่ะ อยู่ในนี้ได้ 1 ชม.
ขัดใจเต๊นท์เอามากมาย T T
ระหว่างเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ก็ผ่านสนามเบสบอลของเมืองเจียอี้ด้วย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/pQgLtytZ1Mnvg8qe7?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Chiayi แล้วเดินทางต่อด้วยรถบัส Chiayi County Bus (สาย Downtown หมายเลข 2) มาลงที่ป้าย Chiayi Park 
昭和十八J18-嘉義市史蹟資料館
เปิดวันอังคารอาทิตย์ 09:00-17:00 . (ปิดทุกวันจันทร์)
ไม่เสียค่าเข้าชม

Hinoki Village 檜意森活村

นี่อยู่ที่ไต้หวันจริงๆ นะทุกคน ร้านน่ารักมาก

อีกหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองเจียอี้ เพราะเจียอี้เป็นเมืองหน้าด่านในการขนส่งไม้ฮิโนกิจากอาลีซานมา และอยู่ไม่ไกลจากสถานีขนส่งต้นทาง ญี่ปุ่นเลยสร้างบ้านเรือน และสำนักงานเอาไว้อยู่บริเวณแห่งนี้ให้คนญี่ปุ่น พนักงานต่างๆ อาศัยอยู่กันบริเวณแห่งนี้ค่ะ รวมถึงมีการสร้างบ่อ Onsen เอาไว้ที่นี่ที่แรกด้วย

เที่ยวเจียอี้
ใครเลิฟญี่ปุ่นต้องชอบเลยค่ะ

ปัจจุบันภายใน Hinoki Village มีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ ขายสินค้าจากไม้ Hinoki (หอมมากก) ขายสินค้าลิขสิทธิ์จาก Studio Ghibli คาเฟ่แบบวินเทจ มีเสื่อ Tatami แท้ๆ ด้านใน ร้านอาหาร ร้านขนมสไตล์ไต้หวัน จุดเช่าชุดกิโมโนยูกาตะใส่เดินเล่น รอบหน้ามีโอกาสกลับมาจะอยู่ที่นี่ซักครี่งวันเลย เพราะข้างในมีมุมเยอะมากๆ เหมือนอยู่ญี่ปุ่นจริงๆค่ะ

เที่ยวเจียอี้
ตรงนี้เหมือนสถานีตำรวจเลยค่ะ จริงๆ คือสถานีตำรวจอยู่อีกฝั่ง
ร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ

เที่ยวเจียอี้
บริเวณบ้านเรือนตรงนี้ไม่ใช่แค่ข้างนอกเป็นญี่ปุ่นนะคะ แต่ข้างในตัวอาคารก็ยังเป็นญี่ปุ่นเหมือนกัน ไม่ได้สร้างใหม่แต่บูรณะให้ดีซ่อมแซมบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้บ้านเรือน อาคารต่างๆ จะเป็นของคนญี่ปุ่นสร้างเอาไว้จริงๆ แต่ช่วงที่ญี่ปุ่นไม่ได้ปกครองไต้หวันแล้ว อาคารก็ทรุดโทรมเสียหายบ้าง ทำให้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่ค่ะ ใครสนใจแวะมาได้ไม่มีค่าเข้าชมด้วย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/nZdaBeAYCtuG4diH7?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Chiayi station นั่งมาที่สถานี Beimen (North Gate)  北門火車站ถึงแล้วเดินข้ามมา 2 นาทีถึง
เปิดทุกวัน 10:00-18:00 .

Chiayi Art Museum
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองเจียอี้

เที่ยวเจียอี้
ด้านข้างอาคารกระจกเป็นอาคารเก่าที่ญี่ปุ่นเคยสร้างเอาไว้ค่ะ

คนชอบงานศิลปะแบบเราก็ไม่พลาดที่จะแวะมาที่นี่ค่ะอาคาร 2 หลังแต่ก่อนตรงนี้เคยเป็นกรมยาสูบและกรมสุรามาก่อนช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองเหมือนเคย สร้างในปีโชวะที่ 11 ในปัจจุบันทางเมืองเจียอี้ได้ทำให้อาคารดั้งเดิมกลายเป็นที่จัดแสดงศิลปะ และสร้างอาคารตรงกลางขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวแอบชอบมากแสงสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ ด้านในการก็จัดแสดงศิลปะเหมือนกันค่ะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วแต่นิทรรศการ ชั้น 1 ของอาคารเก่าที่คงเอาไว้มีคาเฟ่ ร้านขายของฝาก และร้านหนังสือของ Eslite ด้วยค่ะ สายวัฒนธรรม สายคาเฟ่ ต้องชอบแน่นอนค่ะ

บริเณด้านในตัวอาคารใหม่ กระจก และแสงสวยมากมาย
มุมจากที่ขึ้นบันไดขึ้นมาค่ะ ดูดีเลย
ตรงนี้เป็นอาคารเก่าฝั่งซ้ายมือ
เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ จะมีคาเฟ่ ร้านขายของฝากและร้านหนังสือค่ะ
บริเวณอาคารด้านซ้ายด้านนอกค่ะ ตอนรัตไปฝั่งคาเฟ่ยังปิดอยู่
เลยเดินอ้อมมาด้านหน้าดีกว่าตรงนี้เป็นข้างหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์อีกมุมมองหนึ่งค่ะ
ร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ จากทางพิพิธภัณฑ์
คาเฟ่ ที่นั่งเยอะมากๆ เก๋ ๆ เลย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/gSfM84PHzCWfbJV78?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Chiayi เดินข้ามฝั่งไป 5 นาทีถึง


Chiayi Cheng Huang Temple 嘉義城隍廟綏靖侯
วัดเฉิงหวง

เที่ยวเจียอี้

เที่ยวเจียอี้
มีขบวนแห่ โชคดีมากๆ ที่ได้ไปตรงวันค่ะ

ที่นี่เป็นศูนย์กลางความเชื่อของชาวเจียอี้มาตั้งแต่สมัยโบราณกันเลยก็ว่าได้ เทพเจ้าหลักในวัดถือว่าเป็นเทพเจ้าประจำเมืองระดับมณฑลเพียงองค์เดียวในไต้หวนที่มีนามว่าซุยเจิ้งโหวสร้างในปีคังซีที่ 54 ที่วัดมีการบูรณะซ่อมแวมหลายครั้ง จนแล้วเสร็จแบบในปัจจุบันคือปีโชวะที่ 12 สมัยที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวันค่ะ

ได้มีโอกาสกระทบไหล่นายกเทศมนตรีเมืองเจียอี้ด้วยค่ะ

เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมารัตน์ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Pudu event ของวัด Cheng Huang เมืองเจียอี้มาค่ะ มีการแห่เทพเจ้าต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองที่ประตูนรกปิด นำทีมโดยขบวนแห่พญายมโลกไล่เก็บวิญญาณที่เหลือกลับนรก และเทพเจ้าที่มาให้พร ปกป้องชาวเมืองต่อค่ะ โดยวันนี้รองประธานาธิบดีของไต้หวันและผู้ว่าเมืองเจียอี้ยกเกี้ยวของเทพเจ้าไว้ค่า ส่วนรัตน์ได้ลองสวมเครื่องพันธนาการ เดินวนรอบกลับไปที่วัดเฉิงหวงเพื่อให้เทพเจ้าเฉิงหวงอภัยในสิ่งที่เคยทำมาไม่ดี และปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวเรา และเสริมดวงชะตาให้โชคดีในอนาคตอีกด้วย ในช่วงเย็นก็มีการแสดงเทพเจ้าเพิ่มเติมที่วงเวียนกลางของเมืองเจียอี้ด้วยค่ะ

เที่ยวเจียอี้
เค้าเดินแห่การรอบถนนเลยนะคะ

วัดแห่งนี้มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี มาแล้วและในช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองนั้นมีบทกลอนคู่ภาษาญี่ปุ่นที่หาชมได้ยากมากๆซึ่งเป็นนโยบายปลูกังความเป็นญี่ปุ่นในสมัยที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ เพื่อป้องกันการถูกทำลายอีกด้วยค่ะ

รัตน์ก็ได้ไปเสี่ยงเซียมซีมาด้วยล่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/r5JLHymMAb9yT9ih7?g_st=ic
วิธีการเดินทาง :เดินมาจากตลาดกลางคนืนเหวินฉว่า 5-10 นาทีถึง

Chiayi Sawmills 嘉義製材所乾燥
โรงผลิตไม้เจียอี้

ในนี้กว้างมากจริงๆ ค่ะ

ที่นี่สร้างขึ้นสมัยไทโชที่ 3 (พศ2457) ในยุคที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวันค่ะ เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่จัดการลำเลียงไม้ที่ตัดมาจากเขาอาลีซาน แปรรูปเป็นท่อนไม้ วัสดุไม้ต่างๆ ก่อนจะส่งไปใช้ที่ญี่ปุ่นในสมัยนั้นค่ะ ต้องบอกได้ว่าแต่ก่อนที่นี่ยิ่งใหญ่มากเพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และปริมาณการผลิตเป็นอันดับหนึ่งในทวีปเอเชียตะวันออกกันเลยทีเดียว

ได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์เยอะมากๆ ช่วงญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน
บริเวณอาคารทางเข้าชมนิทรรศการค่ะ
อาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่น คนงานก็มาจากญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน
โซนตรงนี้เป็นวีดีโอให้เราศึกษาเส้นทางการลำเลียงไม้มาจากอาลีซานค่ะ
ตรงบริเวณนี้มาขุดเจอทีหลังมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว
ตรงนี้เป็นโรงงานจริงๆ ที่ใช้ตัดไม้ค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/CvKTw4CLKAq4h2qr9?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : อยู่ติดกับสถานี Chayi Beimen สามารถเดินมาได้เลยค่ะ บริเวณรอบๆ มี สถานที่ท่องเที่ยวอีกเพียบที่สามารถแวะถ่ายภาพได้อย่าง Song of Forest หรือจะเป็น Alishan Forest Railway Garage Park ที่สามารถแวะถ่ายภาพสวยๆ กับรถไฟท่องเที่ยวในวนอุทยานอาลีซานได้ค่ะ

Chiayi Cultural & Creative Industries Park
嘉義文化創意產業園區

อุทยานธุรกิจวัฒนธรรมและศูนย์ความคิดสร้างสรรค์เมืองเจียอี้

แต่ก่อนเจียอี้จะถูกรู้จักกันในนาม แดนแห่งเหล้าขาว เพราะเป็นที่แรกเลยที่ผลิตสุราตรงนี้เลยค่ะ  มีอาคารที่ญี่ปุ่นเคยสร้างเอาไว้ด้วย แต่เราก็ไม่รอช้าเพราะมีร้าน RoiCafe ให้เรานั่งจิบชาทานขนมชมวิวเพลินๆ

ด้านในอาคารแบ่งเป็นสองด้านที่ผสมผสานระหว่างอาคารเก่ากับอาคารใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ถึง 24 ไร่ มีอาคารต่างๆที่สร้างขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวันถึง 7 หลังด้วยกันค่ะ มีโครงสร้างและรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงร่องรอยทางประวัติศาสตร์และเรื่องราวทางประวัตืศาสตร์ของเมืองเจียอี้เอาไว้ได้ดี นอกจากจะมีคาเฟ่แล้วที่นี่ยังเป็นพื้นที่จัดแสดงกิจกรรมต่างๆสำหรับคนรุ่นใหม่ได้มาจำหน่ายสินค้า และได้มาโชว์ความคิดสร้างสรรค์งานศิลปะอีกด้วยนะ

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/EbsrDDHuPQ3yFRjx5?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Chiayi ค่ะ เดินมาถึงเลยใกล้ๆ

RoiCafe

Fenqihu Old Street
ถนนโบราณเฟิ่นชีหู

ถนนโบราณ Fenqihu

ตอนแรกเราตั้งใจจะขึ้นไปอาลีซานแต่ไม่ทันรถและไม่ทันรถไฟค่ะ ขึ้นมาถึงแค่ถนนโบราณที่มีชื่อเสียงอย่าง Fenqihu ค่ะมีอาหารเยอะมากๆ ชอบตรงนี้ ที่สำคัญอากาศดีมากๆ ด้วยเพราะอยู่บนเขาค่ะ ที่นี่อาหารที่มีชื่อเสียงคือข้าวกล่องรถไฟที่ให้หมูชิ้นใหญ่เอามากๆ เลยทุกคนชอบมากได้ลองทานแล้วกล่องละ 160TWD หากมาช่วงซากุระบานจะดีกว่านี้ เพราะว่าจะมีวิวที่สวยงามมากๆ ตอนที่รถไฟวิ่งผ่านและมีซากุระบานสองข้างทาง

ข้างในเป็นทางเดินยาวเลยค่ะ มีร้านค้าเยอะเลย
โดนัทอร่อยมาก ใครไม่ชอบเนื้อโดนัทแน่นๆ แบบของฝรั่งลองอันนี้ชอบแน่นอน
ข้าวกล่องรถไฟจัดเลยตรงนี้ค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/FiSCEzNxKAC9kjZL9?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีเจียอี้ / นั่งรถบัสจากตัวเมืองเจียอี้ หรือจากไทเปมาได้

ตลาดกลางคืนถนนเหวินฮว่า
Wenhua Road Night Market 文化路觀光夜市

ถนนเหวินฮว่าเป็นถนนย่านธุรกิจตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นปกครองไต้หวันเลยค่ะ นอกเหนือจากนั้นยังมีชื่อเสียงเรื่องของตลาดกลางคืนอีกด้วย ตอนกลางคืนมีขายอาหารเยอะมากๆๆๆๆ เหมือนตลาดที่ไทเปเลยค่ะ ความวิเศษคืออาหารถูกกว่ามาก มีขนมจากนมถั่วหลือง ผลไม้สด ของทอดเยอะสุดๆ ข้าวหน้าไก่ง่วงต้นตำรับและอีกเพียบเลย เป็นการจบทริปทั้งวันได้แบบสวยงาม มีของให้ช้อปเล็กๆ น้อยๆ และมีอาหรให้ทานหลากหลาย อิ่มอกอิ่มใจสุดๆ

น้ำพุกลางเมือง ที่มีน้ำพุเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ มีรูปปั้นขอนักเบสบอลเมืองเจียอี้ที่มีชื่อเสียงหมุนอยู่กลางลานเลยค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SffgtLqg3NPSYeoe8?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Chiayi เดินไปใช้เวลา 15 นาทีจะเจอวงเวียนน้ำพุตรงกลางก่อน

อาหารการกิน

ร้านข้าวไก่งวง หลิวลี่จาง
Chiayi Liu Li Zhang Turkey Rice 劉里長雞肉飯

ถ้าพูดถึงเจียอี้แล้วหลายคนคงไม่ออกว่าจะหาเอกลักษณ์อะไรที่ไหนได้บ้าง ใครที่เคยดู Netflix Streetfood Asia อาจจะนึกถึงร้านซุปหัวปลา แต่เอาเข้าจริงๆ มาเจียอี้ ต้องลอง ข้าวหน้าไก่งวง ซึ่งก็คงคล้ายๆ ผัดกระเพราของบ้านเราก็ว่าได้ และทานที่ไทเปค่อนข้างยากเลยนะคะ ที่ร้านหลิวลี่จางนั้น ต้องบอกว่าดังจนคนต่อแถวเยอะมากๆ รวมถึงเป็นร้านที่ได้ลงขายใน Family Mart ของไต้หวัน คนที่ทำคือครอบครัวแบบดั้งเดิม คนเอาไก่ใส่ชามก็เป็นอาม่านั่งใส่ให้เรา อ้ะแต่เดี๋ยวก่อนใครที่ทานอาหารรสจัดแนะนำให้ทานคู่กับซอสพริกเล็กน้อย ส่วนใครอยากลองสัมผัสรสชาติจริงๆต้องลองกระเทียมเจียว และน้ำซอสของทางร้าน หอมมัน มีรสเค็มเล็กน้อย ข้าวหอมเป็นเม็ดอร่อยมากเธอ !!!

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/gnmeKGHfZSYCTumr6?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : เดินทางตลาดกลางคืนเหวินว่าใช้เวลา 5 นาทีถึง คนต่อคิวเยอะมาก ร้านไม่มีแอร์นะคะ แนะนำให้นำน้ำของเรามาเอง

SmartFish ร้านซุปหัวปลาหลินชงหมิง 林聰明沙鍋魚頭

หม้อใหญ่มาก

หนึ่งในเมนูที่มีชื่อของเมืองเจียอี้ที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี น้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มนานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน เสิร์ฟพร้อมผักกาดขาว ปลาตาเดียว เห็ดหูหนู กุ้งแห้ง เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ทอด กระเทียม พริก ตนหอม เนื้อหมู และซอสซาฉาสูตรเฉพาะของปรุงพิเศษ ต้มจนได้กลิ่นหอมรสชาติดีโคตรๆ ส่วนหัวปลาและปลานั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ฤดูเลยค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hqnH5KHiuS3ZXqeP9?g_st=ic
วิธีการเดินทาง : เดินทางตลาดกลางคืนเหวินว่าใช้เวลา 5 นาทีถึง ไปถึงรับคิวหน้าร้านก่อนค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างกับเมืองเจียอี้ น่าสนใจบ้างมั้ยคะ รัตน์ว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจ น่าไปเที่ยวเอามากๆ เมืองหนึ่ง มีศิลปะวัฒนธรรรมคล้ายๆ ญี่ปุ่น อากาศอาจจะร้อนกว่าที่ไทเป แต่ที่เที่ยวน่ารัก ธรรมชาติสวยงาม นักท่องเที่ยวยังน้อยสถานที่เที่ยวไม่ช้ำไม่ซ้ำใคร แถมถ้าทำทริป แนะนำเป็นเส้น เกาสงเจียอี้อาลีซานเกาสง ซัก 4 วัน 3 คืน วันแรกลงเครื่องที่เกาสงโดยสายการบิน China Airlines นั่งรถไฟความเร็วสูงมาที่เมืองเจียอี้ พัก 1 คืน รุ่งยาวขึ้นอาลีซาน เพื่อเที่ยวชม จะนั่งรถไฟ หรือนั่งรถบัสก็ได้ค่ะ เที่ยวเจียอี้ และลงมาเดินตลาดกลางคืนที่เมืองเจียอี้ ช่วงเช้าเที่ยวเจียอี้ พักที่เจียอี้หรือจะกลับเกาสงมาเที่ยวที่เกาสงอีก 2 คืนก็ได้เช่นกัน เป็นอีกเส้นทางที่น่าสนใจ หรือใครมีเวลาอยากเจาะประวัติศาสตร์เข้าไปอีกก็เพิ่มเมืองไถหนานเข้าไปได้เช่นกัน เก็บเส้นภาคใต้ แนววัฒนธรรมให้หมด สบายๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเมืองเจียอี้ สามารถเขข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ทาง https://travel.chiayi.gov.tw กันได้เลย

สถานที่เที่ยวในเจียอี้อื่นๆ ได้ทาง
ท่องไปใน Chiayi เที่ยวเมืองเจียอี้

ออกไปสูดอากาศ เที่ยวไถจง แนวธรรมชาติ Outdoor กันดีกว่า

เที่ยวไถจง

ออกไปสูดอากาศ เที่ยวไถจง แนวธรรมชาติ Outdoor กันดีกว่า

สำหรับใครที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบ Outdoor ชมนกชมไม้ ชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ เดินเอื่อยๆ แบบ Slowlife และอยากลองไปดูบ้านเมืองอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยบ้างว่าบ้านเมืองเค้าจะมีวิถีชีวิต ต้นไม้ ภูเขา สภาพภูมิศาสตร์อย่างไรบ้าง นั่งเครื่องบิน มาไม่ถึง 4 ชม. และนั่งรถต่อมาเพียง 1 ชม. จากไทเป และจากสนามบินเพียง 45 นาที ก็จะถึงเมืองใหญ่อีกเมืองของไต้หวันอย่างเมืองไถจง รัตน์จะมาแนะนำว่า เที่ยวไถจง แนวธรรมชาติ Outdoor ที่น่าสนใจมีที่ไหนบ้างพร้อมวิธีการเดินทางค่ะ

ไถจงถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่แห่งหนึ่งของไต้หวัน อากาศตลอดทั้งปีจะมีความร้อนกว่าเมืองไทเป แต่จะไม่ร้อนแบบอบอ้าวเท่าไทเป ฝนน้อยกว่า แสงแดด ฟ้าสดใสมากกว่า รวมถึง ช่วงอากาศเย็นก็ไม่ได้หนาวมากเท่าเมืองไทเปหรือบนภูเขาค่ะ ที่ไถจงรัฐบาลภาคเอกชนได้สร้างและอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างและธรรมชาติต่างๆ เอาไว้ให้ทั้งคนท้องถิ่นเอง และนักท่องเที่ยวได้มาเยือนกัน

การเดินทางไปไถจง : นั่งรถไฟ (TRA) จากไทเปใช้เวลา 2.50 ชั่วโมง , รถไฟความเร็วสูง 1 ชั่วโมง
(จากเมืองหลวง) ,
รถบัสใช้เวลา 2 ชั่วโมง รถยนตร์ธรรมดาอย่างต่ำ 1 ชั่วโมงค่ะ
เช็ครอบรถไฟความเร็วสูง(THSR)ได้ที่นี่ค่ะ : http://www.thsrc.com.tw/index_en.html
เช็ครอบรถไฟธรรมดา (TRA)ที่นี่ : http://www.railway.gov.tw/en/index.aspx

Gaomei Wetland

เที่ยวไถจง

Gaomei Wetland (高美溼地 or Gaomei Shidi) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในไต้หวัน ซึ่งหากใครมาเที่ยวเมืองไถจงแล้วล่ะก็อยากแนะนำให้มาเมืองนี้ค่ะ ทางเดินไม้เดินสะดวกสบายค่ะ มีรถเข็นก็เดินทางได้สะดวกเช่นกัน ถ้าไปถ่ายภาพครอบครัวด้วยกันยิ่งดี ลองมาสัมผัสวิวท้องฟ้าสีส้มยามอาทิตย์ตกดิน กับสีน้ำเงินของผืนน้ำข้างล่างทางเดินกันดูได้เลย โดยสถานที่ข้างเคียงมี Mitsui Outlet Park Taichung Port ให้เราเดินช้อปปิ้งพร้อมชมวิวท่าเรือสวยงามได้อีกด้วย
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟ TRA ไปที่สถานี Qingshui แล้วก็นั่งรถบัส Jeya หมายเลข 178 หรือ 179 ไปลงที่ Gaomei Wetland ป้าย 清水火車站 เดินไป 5 นาทีถึงที่ค่ะ (นั่งรถยาวไป 1 ชั่วโมง 50 นาทีจ้ะ)
พิกัด : https://goo.gl/maps/Z3QE4Dj5QJB2

Botanical Garden of the National
Museum of Natural Science

เที่ยวไถจง

สำหรับใครที่ชื่นชอบสวนพฤษชาติแล้วล่ะก็ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่น่าสนใจใน เมืองไถจง เลยล่ะค่ะ เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินถ่ายภาพของเหล่า Influencer ของไต้หวันก็ว่าได้ ในสวนนี้มีพืชพันธุ์นานาชนิดกว่า 800 สายพันธุ์ เป็นสวนแนวป่าฝน ซึ่งเอาจริงๆ สวนป่านี้เป็นแค่สวนหนึ่งของพิพิธภัณธ์ธรรมชาติวิทยาที่มีจุดให้เดินชม และถ่ายรูปเยอะมากมาย
วิธีการเดินทาง
Taichung MRT สถานี Taichung City Hall Station แล้วเดินเท้าต่อ 10 นาที
หรือขึ้นรถบัสหมายเลขตามนี้ค่ะ

 

ทางจักรยาน Dong-Feng Bikeway Green Corridor และ Hou-Feng Bikeway

Dong-Feng Bikeway Green Corridor and Hou-Feng Bikewayทางขี่จักรยานที่มีชื่อเสียง และทางยาวมากกว่า 5 กิโลเมตร ที่ Dong Feng มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร มีวิวต้นไม้ที่สวยงามและทางจักรยานเลียบแม่น้ำ ดาเจี่ย ทางจักรยานแห่งนี้มีจุดกำเนิดจากทางรถไฟจากเหนือไปใต้ และหลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเส้นทางจักรยานนั่นเอง ส่วน Houfeng นั้นมีทางยาว 4.5 กิโลเมตรค่ะ ท่านใดที่สนใจจะเดินทางไปไต้หวันเพื่อการขี่จักรยานแล้วล่ะก็ นอกเหนือจากเส้นทางฝั่งตะวันออกแล้ว ที่ไถจงก็มีเส้นางสวยๆ ให้เพื่อนๆ ได้ลองไปขี่จักรยานเช่นกัน
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ : http://2horse.mmmtravel.com.tw/?ptype=info

Maple Garden

เที่ยวไถจง

ถึงจะมีแดดเยอะขนาดไหนไถจงก็มีสวนใจกลางเมืองเอาไว้ให้คนท้องถิ่นได้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ สวนแห่งนี้เคยได้รับรางวัลในสาขาสถาปัตยกรรมด้วยนะ เย็นมาก็กำลังดี หรือจะมืดๆ ก็มีเปิดไฟสวยงามตามทางไว้ให้เราดูค่ะ
วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าลงสถานี Taipei City Hall แล้วเดินเท้าเล็กน้อยก็ถึงค่ะ
https://goo.gl/maps/n1jBUu6PxLvdADLm9

ฟาร์มที่น่าสนใจ 2 ฟาร์ม

เที่ยวไถจง

ฟาร์มฝูโซ่วซาน (Fushoushan Farm)

ฟาร์มฝูโซ่วซาน ก่อตั้งในปี 1950 เพื่อสร้างอาชีพให้กับทหารเกษียณอายุ ตัวฟาร์มตั้งอยู่ห่างจากภูเขาหลีซาน 6 กิโลเมตร เป็นแหล่งปลูกผลไม้ ชา และดอกไม้แสนสวยงาม

ในบริเวณฟาร์มแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมลี่หลีซาน (Lishan Culture Museum) ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางหลวงสายหลัก (Central Highway) เรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาหลีซาน และชนพื้นเมือง นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ทวิลล่าของอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ค ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย

และก็มีที่เที่ยวอีกมากมายเลยที่ไถจงรอให้ทุกคนไปเที่ยวกันนะคะ
ข้อมูลท่องเที่ยวไจงเพิ่มเติมคลิก ที่นี่

Slowly Sunset ที่พักสไตล์แกลมปิ้ง ติด Gaomei Wetland

Slowly Sunset

Slowly Sunset ที่พักสไตล์แกลมปิ้ง ติด Gaomei Wetland ไถจง

Slowly Sunset

วันนี้พาเพื่อนๆ มารู้จักที่พัก Glamping ทางฝั่งไต้หวันบ้างอย่าง Slowly Sunset Glamping เมืองไถจง ท่มีความน่าสนใจตรงทำเลที่ตั้ง เพราะติดกับ Gaomei Wetland เลย หรือพื้นที่ชุ่มน้ำเกาเหม่ยใครที่ชื่นชอบการพักแบบ Glamping หรืออยากลองประสบการณ์ใหม่ต่างบ้านตางเมืองแล้วล่ะก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดที่พักนี้กันได้เลยค่ะ สำหรับ Gaomi Wetland นั้นถือว่าเป็นจุดที่คนไต้หวันเรียกว่าพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดเลยก็ว่าได้ พอมานอนชมวิวที่นี้ก็ได้วิวสวยๆ พร้อมประสบการณ์ดีๆ ไปด้ว 1 คืน

 

ที่พักแบ่งออกเป็น 2 โซนค่ะ โซนปู A โซนหอยทาก B โซนนก C

蟬說夕陽漫漫_地圖

ที่พักไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะ เป็นเตียงพร้อมแอร์เย็นมาก  โซฟาในห้อง  สำหรับห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกออกมาอยู่อีกจุดโดยสามารถเข้าถึงได้โดย KeyCard เท่านั้นค่ะ ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ต้องเตรียมชุดแปรงฟันมาเองเท่านั้นค่ะ สบู่ แชมพูครบ มีผ้าขนหนูเตรียมไว้ให้ในห้องของแต่ละคนค่ะ ถึงแม้ที่นี่จะตั้งอยู่ตรงศูนย์เรียนรู้นิเวศวิทยาเป็น Tourist Center ให้ข้อมูลสัตว์ต่างๆ ที่อยู่แถวที่ลุ่มน้ำ แต่แยกความเป็นส่วนตัวได้อย่างเป็นสัดส่วนค่ะ

Slowly Sunset
เริ่มต้นมาเช็คอินกันะคะ เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ
Slowly Sunset
จุดเช็คอินค่ะทุกคน
Slowly Sunset
ไม่หลงทางแน่นอนมีป้ายบอกหมดว่าต้องเดินไปทางไหนค่ะ
Slowly Sunset
บรรยากาศด้านในโซนปูค่ะ
Slowly Sunset
บริเวณด้านหน้าเต้นท์ของเราค่ะ โดยหน้าเต้นท์มีล็อกทั้งหมด 3 ชั้นค่ะ ชั้นสอง 2 ชั้น และด้านในอีก 1 ชั้นสำหรับปิดด้านใน
Slowly Sunset
ด้านในเต้นท์ค่ะ มี 2 เตียงขนาด Queen Size
มีแอร์น้ำ แอร์แรงมากๆ ค่ะ พร้อมมีพัดลมมาให้ด้วย
มีผ้าขนหนูเตรียมไว้ให้ พร้อมกระเป๋าผ้าค่ะ

ห้องอาบน้ำจะอยู่ในโซน ด้านบนค่ะ เข้าไปทางห้องน้ำกลาง แตะ Key Card และเข้าไปโซนห้องอาบน้ำ ด้านในรัตน์ไม่ได้ถ่ายมานะคะ เราจะเจอที่นั่งเป่าผม วางของแต่งหน้าก่อน คล้ายๆ ในสปาที่จะมีจุดให้แต่งตัวหลังอาบน้ำ หรือบ่ออนเซ็น และมีจุดห้องอาบน้ำแบ่งเป็นห้องๆ ให้เราเลือกใช้ค่ะ ที่อาบน้ำเป็นฝักบัวทุกห้อง มีระบบน้ำอุ่น-เย็น มีแชมพูและสบู่ทุกห้อง ภายในห้องอาบน้ำมีที่วางของติดกับประตูเอาไว้ให้เราวางกระเป๋าผ้ากันน้ำค่ะ หรือของอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการอาบน้ำ

ตอนรัตน์ไปคือแดดสวยดีมากๆ ค่ะ
มีโซฟา แต่เราก็เอามาวางของเรียบร้อย

Slowly Sunset

หลังจากที่เช็คอินเรยบร้อยก็มาทานขนมว่างก่อนค่ะ หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยแบบงงๆ เลยค่ะ อร่อยดี

หลังจากที่ทานขนมเสร็จก็ออกมาเดินค่ะ ไปที่ Gaomei Wetland กัน

เดินเล่นใช้เวลา 1 ชั่วโมงเลยกว่าจะเดินไปถึงแอบใช้เวลาเหมือนกัน แต่วิวสวยมากระหว่างการเดิน

ภาพที่ถ่ายได้จาก Gaomei Wetland สวยมาก นี่ยังไม่ได้เดินไปตรงที่คนยืนอยู่เยอะนะคะ ตรงนั้นจะเป็นวิวทะเลเลียบพระอาทิตย์ตกไม่มีอะไรมาขวางสวยมากๆ ค่ะเข้ากับชื่อที่พักว่า Slowly Sunset มากๆ ค่ะ

 

พอกลับมาจากดูวิวสวยๆ ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ อาหารส่วนใหญ่เน้นเป็นซีฟู๊ด รสชาติกลมกล่อมพอดี เครื่องดื่มคืออร่อยเลยล่ะค่ะ

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็กลับห้องกัน พอ 20:00 น. (19:00 น. ตามเวลาไทย) รัตได้ลงทะเบียนเพื่อเดินชมระบบนิเวศน์บริเวณรอบๆ พื้นที่ชุ่มน้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยอธิบายตลอดการเดินค่ะ สัตว์ทุกตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มนัำ มีการเรียนรู้เรื่องกลุ่มดาวต่างๆ ด้วย ที่นี่เห็นดาวชัดแจ๋วมากๆ ค่ะ

Tent Supplies สิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างเข้าพัก

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับที่พักเก๋ๆ ถ้าเแนะนำจริงๆ ที่นี่เหมาะกับการมาเป็นครอบครัวเด็กเล็ก พาลูกมาสัมผัสธรรมชาติ รวมถึงใครที่ชื่นชอบการผจญภัยที่นี่ก็น่าแวะมาพักผ่อนค่ะ สามารถชมวีดีโอ Reel ของที่พักที่รัตไปมาได้ตามนี้เลยค่ะ

 

จองแบะดูรายละเอียดได้ที่เว็บ https://www.chanshuo.tw/slowlysunset-en/

เปิด 8 พิกัด เหนือ – กลาง – ใต้ บินลัดฟ้าสละโสด ขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่าไต้หวัน เก็บเควสท์ความรัก ตามหาเนื้อคู่ที่สุดปลายทางด้ายแดงที่ไต้หวัน

เปิด 8 พิกัด เหนือ – กลาง – ใต้ บินลัดฟ้าสละโสด
ขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่าไต้หวัน

เก็บเควสท์ความรัก ตามหาเนื้อคู่ที่สุดปลายทางด้ายแดงที่ไต้หวัน

ขอเถอะปีนี้ ขอให้ได้สละโสดสักที เพี้ยง! หากคุณคือคนที่กล่าวคำขอพรข้างต้นมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งหรือเดินทางไปขอพรทั่วทุกสารทิศในไทยก็ยังคงไร้วี่แววของเนื้อคู่ ขอให้คุณจงมีความเชื่อและไม่หมดหวัง เพราะการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ จะรับบทเป็นกามเทพแผลงศรช่วยให้คุณสมหวังในรัก เตรียมตัวเก็บกระเป๋าให้พร้อม แล้วบินไปขอพรกับ “เทพเจ้าเยว่เหล่า” (月老) หรือผู้เฒ่าจันทรา เทพเจ้าแห่งความรักผู้มีเอกลักษณ์ซึ่งไว้หนวดยาวสีขาว โด่งดังในเรื่องการให้พรความรัก และการแต่งงานตามความเชื่อโบราณสำหรับคนไต้หวัน รวมถึงแนะนำทริคเด็ดอธิษฐานแบบไหนให้สมหวังดั่งตาเห็น พร้อมรวมพิกัดวัดเทพเจ้าเยว่เหล่าที่ไม่ควรพลาดจากทั่วทุกภาคมาให้คนโสดได้ตามรอยกันอย่างจุใจ

  • ปีนี้เนื้อคู่มาแน่… 2 วัด เลื่องชื่อให้ขอพรพบคู่ที่ภาคเหนือ

เปิดดวงรับพลังงานดีที่ วัดหลงซาน (Longshan Temple) วัดเทพเจ้าเยว่เหล่าขวัญใจสายมูที่ถูกค้นหามากที่สุดในอินเทอร์เน็ต และได้รับความนิยมจากหนุ่มสาวในการเลือกเดินทางไปไหว้ขอพร เนื่องจากเป็นที่ประทับของเทพเจ้าเยว่เหล่าที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงจนได้รับการขนานนามว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเรื่องความรัก และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 300 ปี จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างหนาแน่นทั้งวันธรรมดาและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยวัดหลงซานตั้งอยู่ในย่านว่านหัวเมืองไทเป สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไทเป (Taipei MRT) มาลงสถานี Longshan Temple ซึ่งใกล้กับย่านช้อปปิ้งอย่าง
ซีเหมินติงอีกด้วย ทำให้เที่ยว ช้อป ไหว้พระ ได้ครบจบในที่เดียว

พิกัด : No. 211, Guangzhou St, Wanhua District, Taipei City, Taiwan

แต่ถ้าอยากสละโสดภายใน 3 เดือน ต้องยกให้ วัดเสียไห่เฉิงหวง (Taipei Xia-Hai City God Temple) ตั้งอยู่บนถนนตี๋ฮว่า วัดแห่งนี้จัดเป็นวัดที่คนโสดควรค่าแก่การเดินทางมาไหว้ขอพรเทพเจ้า
เยว่เหล่าทันทีหากมีโอกาส เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ถึงขั้นพูดปากต่อปากกันว่า เมื่อมาสักการะบูชาที่วัดแห่งนี้จะได้พบเจอกับเนื้อคู่ภายใน 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มาขอพรจากวัดเสียไห่เฉิงหวงก็จะสามารถพบเจอคู่แท้ที่ถูกชะตาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากวัดเสียไห่เฉิงหวง จะเป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับ 3 ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านความรักแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายละครและถ่ายทำภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเลยทีเดียว สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไทเป (Taipei MRT) มาลงสถานี Shuanglian และต่อรถบัส Taipei City Bus หมายเลข 811 หรือ รถบัสสายสีแดง หมายเลข 33 มาลงป้าย Dihua St.

พิกัด : No. 61, Sec. 1, Dihua St., Datong Dist., Taipei City, Taiwan

  • สุดปลายทางด้ายแดง…เดินสายตามหาความรักแบบไม่หยุดพักกับ 3 วัดยอดฮิตในภาคกลาง

ดึงดูดรักแท้ด้วยด้ายแดงแห่งโชคชะตาที่ วัดเล่อเฉิง (Lecheng Temple) ในเมืองไถจง ซึ่งอยู่ในภาคกลางของไต้หวัน ที่สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) ไปลงสถานี Taichung แล้วต่อรถไฟธรรมดา (TRA) ไปลงที่สถานี Jingwu จากนั้นเดินเล่นชมทิวทัศน์ข้างทางประมาณ 13 นาที จะพบกับวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 260 ปี นอกจากเทพเจ้าเยว่เหล่าแล้วยังมีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ที่ประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้อย่าง ‘เจ้าแม่มาจู่’ เทพนารีผู้โด่งดังผู้ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย
วัดเล่อเฉิงได้รับกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องตำนาน “ด้ายแดง” ที่จะช่วยนำพาโชคชะตาของคนให้ได้พบเจอกันอย่างสุขสมหวัง รวมถึงช่วยให้คู่รักคืนดีกันอีกด้วย และหากว่าใครที่ยังไม่พบเจอคู่แท้ขณะที่ยังคบหาดูใจกันอยู่ พลังแห่งเทพเจ้าเยว่เหล่าก็จะช่วยปัดเป่าและกีดกันให้เลิกรากันไปในที่สุด

พิกัด : No. 48, Hanxi St., East Dist., Taichung City, Taiwan

งานปังแต่ไร้รักต้องไม่พลาดมาขอคู่ที่ วัดหลงเฟิ่ง (Longfeng Temple) ที่เมืองหนานโถว เดินทางง่ายๆ ด้วย รถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) ลงสถานี Taichung แล้วต่อ Taiwan Tourist Shuttlle E-Bus สาย 6670 ลงที่ป้าย Shuishe นั่ง เดินถัดมาเพียง 5 นาทีเท่านั้นจะพบกับวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรด้านการแต่งงานเป็นอันดับต้นๆ ของไต้หวัน เพียงแค่คุณก้าวขาเข้ามาภายในตัววัด ก็จะสามารถพบเจอป้ายคำอธิษฐานที่ขอพรเรื่องการแต่งงานและความรักเป็นจำนวนมาก ณ วัดหลงฝ่งชาวไต้หวันมีความเชื่อว่าผู้คนที่มักนิยมมาขอพรในวัดแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาหาคู่ จึงมักเดินทางมาขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่าให้ช่วยประทานพร ซึ่งหลังจากที่ไหว้ขอพรกลับไปเพียงไม่กี่เดือนก็จะพบเจอคู่และได้แต่งงานกันในที่สุด

พิกัด : No. 291-6, Zhongshan Rd., Yuchi Township, Nantou County, Taiwan

อีกหนึ่งวัดดังโซนภาคกลางสำหรับคนมีเวลาน้อยแต่อยากรวมความปัง ได้สละโสดพร้อมเสริมแต้มบุญการงานและสุขภาพ ต้องมาที่ วัดลู่กั่งเทียนโฮ่ว (Lukang Tianhou Temple) ที่เมืองจางฮว่า นอกจากความงดงามด้านสถาปัตยกรรม และเป็นโบราณสถานที่มีอายุอยู่คู่กับชาวเมืองจางฮว่ายาวนานกว่า 400 ปี แล้ว วัดแห่งนี้ยังศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความรัก การงาน และสุขภาพอีกด้วย เรียกว่าขอพรครั้งเดียวได้ครบจบในวัดเดียว นอกจากไหว้พระเสริมดวงให้ราบรื่นกันแล้ว อย่าพลาดที่จะลิ้มลองของทานเล่นแสนอร่อยที่บริเวณหน้าวัด รวมถึงไปเดินเล่นที่ถนนสายโบราณลู่กั่ง (Lukang Old Street) เพิ่มตัวเลือกในการท่องเที่ยวได้อย่างครบครัน โดยสามารถเดินทางจากสถานีรถไฟ (TRA) Changhua ต่อรถบัส Changhua (ปลายทาง Lugang) และมาลงที่ป้าย Xiyuanqian

พิกัด : No.430, Zhongshan Rd., Lukang Township, Changhua County, Taiwan

  • ตามเก็บเควสท์ความรักที่วัดในภาคใต้ รับรองว่ารักรุ่งในสามวันแปดวัน

หลังจากชีพจรลงเท้าเดินทางขึ้นเหนือ ทัวร์ภาคกลางกันมาครบแล้ว มาต่อกันที่พิกัดวัดในภาคใต้ เริ่มจากเอาใจคนมีคู่ ขอรักกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นที่ วัดต้าเทียนโฮ่ว (Da Tianhou Temple) ที่เมืองไถหนาน วัดที่ถูกร่ำลือว่าสามารถช่วยจับคู่ให้ผู้คนสมหวังมากกว่า 300 คู่แล้ว ที่สำคัญเทพเจ้าเยว่เหล่าประจำวัดวัดต้าเทียนโฮ่ว ยังช่วยให้พรสำหรับคนมีคู่ให้รักมั่นคงและยืนยาว จึงเป็นวัดที่คู่รัก หรือสามีภรรยามักเดินทางมาขอพรให้เพื่อให้รักของตนยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และไม่ไกลจากวัดต้าเทียนโฮ่ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม นั่นคือหอคอย ชื่อคั่นโหลว (Chikan Tower) รวมถึงร้านอาหารชั้นนำมากมายให้ได้ตะลอนชิมกันอีก พิกัดที่ตั้งวัดต้าเทียนโฮ่ว สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงไต้หวัน (THSR) มาลงที่สถานีรถไฟ Tainan แล้วต่อรถบัส Tainan City (สาย 3 หรือ 5 ) มาลงที่ป้าย Chihkan Tower (The Chamber of Red Hill)

พิกัด : No. 18, Ln. 227, Sec. 2, Yongfu Rd., West Central Dist., Tainan City, Taiwan

ขอพรให้รักรุ่งไร้อุปสรรคที่ วัดเทพเจ้าแห่งสงคราม (Sacrificial Rites Martial Temple) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในเมืองไถหนานซึ่งไม่ไกลจากป้ายรถบัส Chihkan Tower ความโด่งดังเรื่องรักของวัดแห่งนี้คือ หากคู่รักของคุณมีคนเข้าหาอย่างไม่ขาดสาย เทพเจ้าเยว่เหล่าจะช่วยปัดเป่าอุปสรรคและเอาชนะให้ได้ในที่สุด หรือถ้าแฟนคนปัจจุบันไม่ใช้คู่แท้ตามฟ้าลิขิตก็จะช่วยให้ห่างหายและเลิกรากันไปเอง และยังมีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดมากมาย เช่น เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าเหวินชางที่มีชื่อเสียงด้านการเรียนการศึกษาเป็นอย่างมาก

พิกัด : No.229, Sec. 2, Yongfu Rd., West Central District, Tainan City, Taiwan

ปิดท้ายด้วยการตั้งจิตสื่อถึงเทพเจ้าเยว่เหล่าให้ประทานพรรักสมหวังที่ วัดกวนตี้ (Guandi Temple) แห่งเมืองเกาสง ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเกาสงสถานี Wukuaicuo มีความแตกต่างและน่าสนใจจากวัดอื่นที่ได้กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากเทคนิคการไหว้ขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่ามีความพิเศษที่มากยิ่งขึ้น เมื่อถวายตะเกียงน้ำมันเรียบร้อยแล้ว จะได้รับธูปไหว้เทพเจ้าเยว่เหล่า ด้ายแดง 2 เส้น และลูกอม โดยหลังจากที่ไหว้ตามขั้นตอนแนะนำของทางวัดเสร็จสิ้น ให้จุดธูปไหว้อธิษฐานที่หน้าเทพเจ้าเยว่เหล่า พร้อมอ่านบทสวด ทริคเพิ่มเติมให้เขียนชื่อ วันเกิด และข้อมูลอื่นๆ ให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อเพิ่มพลังงานดีให้ท่านดลบันดาลดั่งใจหวัง

พิกัด : No. 52, Wumiao Rd., Lingya Dist., Kaohsiung City, Taiwan

  • เคล็ด (ไม่) ลับ ฉบับสายมูตัวจริงในการไหว้ขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่าให้สมปรารถนา
  1. การไหว้เทพเจ้าเยว่เหล่าที่ถูกวิธี ต้องเตรียมกระดาษเงินกระดาษทอง และของบูชา โดยเน้นหลักๆ ไปที่ขนมและของหวานหลากชนิด เพื่อให้การขอพรเรื่องความรักสำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่น และหวานชื่นเช่นเดียวกับขนมหวานที่นำมาไหว้ขอพร
  2. วัดแต่ละแห่งจะมีวิธีการไหว้ขอพรเทพเจ้าเยว่เหล่าที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเมื่อเดินทางเข้าไปสักการะที่วัดใด ควรยึดตามธรรมเนียมหรือข้อแนะนำการไหว้ของวัดนั้นๆ จะช่วยให้เห็นผลไวที่สุด รวมถึงแนะนำให้ผู้ที่ไปขอพรควรไหว้สักการะเทพเจ้าองค์อื่นๆภายในวัดด้วยเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือขณะที่ไหว้ขอพรนั้น ต้องระบุชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเกิดของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อให้เทพเจ้าได้รับรู้และเมตตา หนึ่งในทริคการไหว้ที่จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น
  3. คนโสดที่ขอพรเรื่องคู่ต้องมาพร้อมการระบุสเปคความชอบให้ชัดเจน เทพเจ้าเยว่เหล่าจะได้เมตตาประทานคู่ให้ได้อย่างแม่นยำและตรงตามที่ขอได้ครบถ้วน หรือหากมีคนที่ชอบอยู่แล้ว สามารถแจ้งชื่อ วันเกิด และที่อยู่ของคนที่ชอบได้เลย เพื่อที่จะได้ผูกดวงชะตาของคุณทั้งคู่ให้ตรงกัน
  4. เมื่อได้รับด้ายแดงจากเทพเจ้าเยว่เหล่าหลังจากการไหว้ขอพรเสร็จสิ้น ห้ามลืมเดินวนรอบกระถางธูปเด็ดขาด โดยให้เดินวนไปตามเข็มนาฬิกา จำนวน 3 รอบ หรือตามข้อแนะนำของวัด เพื่อเสริมพลังของด้ายแดงให้มากขึ้น

เหล่าคนโสดสะดวกพิกัดไหนเตรียมปักหมุดศึกษาเส้นทางกันไว้ได้เลย ซึ่งหากได้ลองทำตามทริคการไหว้เทพเจ้าเยว่เหล่าอย่างถูกวิธีตามที่ได้แนะนำมาข้างต้น มั่นใจได้เลยว่ากลับบ้านมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแน่นอน เพราะนอกจากการเดินทางตามรอยขอพรวัดต่างๆ เพื่อให้พบเจอคู่และรักแท้ที่ดีแล้ว ระหว่างทางหรือสถานที่ใกล้เคียงในเมืองที่ตั้งของวัดยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายให้ได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของสถาปัตยกรรม คุณค่าทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้ สามารถติดตามอัปเดทข่าวสารความเคลื่อนกิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวของไต้หวันที่ไม่ควรพลาดได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/ หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism Bureau T้H

ข้อมูลเพิ่มเติมขอพรความรักที่ไต้หวัน #บอกลาความโสด ถ้าจะกลับ #ไปไต้หวัน รอบนี้เพื่อ #ขอคู่ ที่ Taipei Xia Hai City God Temple