เมื่อสองสาวไปนอนเล่นกับเพนกวิน และสัตว์น้ำอีกหลากหลายชนิด ที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ !!
จะมีกี่ที่บนโลกกันเชียวที่คุณจะได้นอนใกล้ชิดกับสัตว์น้ำ ได้ใกล้ชิดขนาดที่ว่าค้างคืนกับสัตว์น้ำได้ ที่เมืองจีน เทียนจิน, ฟลอริด้า ซานฟรานซิสโก แวนคูเวอร์ อเมริกา และใกล้ไทยสุดๆอย่างไต้หวัน ที่สามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ถูกและมีของกินเยอะมากมาย
วันนี้ขอพาทุกท่านมาที่ National Museum of Marine Biology & Aquarium ที่เมือง Pingtung เกือบใต้สุดที่ไต้หวัน อควาเรียม หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่คุณสามารถนอนพักค้างคืน และเดินชมรอบๆ ได้อย่างจุใจ ส่วนราคาสำหรับการค้างคืนนั้นมีแต่เป็นแบบ Package ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คุณคิด ค่าเสียหายอยู่ที่ 2,380 เหรียญต่อคนเท่านั้น สำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ คิดราคา 1,090 เหรียญ และเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าชม ราคารวมอะไรบ้าง ?
1. รวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์
2. Buffet มื้อเช้าและเย็น
3. ค่าเข้าเดินชมสถานที่พร้อมอธิบาย
4. ค่าอาหารปลาและแมงกระพรุน
5. ค่าเดินชมตอนกลางคืน
6. ค่าอุปกรณ์ DIY
7. ค่าที่พัก
ซึ่งถือว่าคุ้มสุดๆ ซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันนั่นก็คือ
- Water of Taiwan : โซนที่ให้คุณได้ชมว่าสัตว์น้ำของไต้หวันมีอะไรบ้าง และบริเวณชมให้อาหารสัตว์น้ำตอนเช้าก็อยู่บริเวณนี้ด้วยเช่นกัน
- Coral Kingdom Pavilion : โลกแห่งปะการัง และสัตว์น้ำน่ารักๆ ที่อยู่แถวปะการัง ใครอยากจะไปเจอดอรี่ หรือปลานีโมก็เจอกันได้ที่นี่เลยจ๊ะ สำหรับใครที่ชื่นชอบปลาวาฬแล้วล่ะก็ ทีเด็ดของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้นปลาวาฬเบลลูก้านั่นเองแหละค่ะ
- Waters of the World : โซนนี้เป็นโซนที่แนะนำสัตว์น้ำจากหลากหลายที่ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกันไฮไลท์อยู่ที่นกเพนกวิน แมวน้ำและอีกมากมายค่ะ
สำหรับใครที่พาเด็กเล็กมาด้วยคงอาจจะชอบเพราะว่ามีการทำ DIY จากดินน้ำมันวิทยาศาสตร์ให้ปั้นเป็นอะไรก็ได้แล้วก็นำกลับบ้านได้ด้วย เอาล่ะสปอยไปซักพักแล้ว เรามาชมกันดีกว่าค่ะว่าด้านในมีอะไรบ้างและการเดินทางของพวกเราที่กว่าจะเดินทางมาถึงต้องเดินทางมาอย่างไรค่ะ
นั่งรถบัสมาลงตรงไหนก็ไม่รู้ (มารู้ที่หลังว่าเป็นท่ารถบัสเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ แต่ต้องรอรถ 20-30 นาทีค่ะ)
หลังจากที่งงอยู่ซักพักว่าอยู่ที่ไหน เจอรถวิ่งผ่านมาเลยโบกเรียกให้พาเข้าไป คุณลุงเจ้าของรถก้ใจดีช่วยยกกระเป๋าพาเราลงถึงด้านหน้าทางเข้าเลยทีเดียว
ในที่สุดก็ถึงแล้วว เย้
นี่คือราคาสำหรับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เฉยๆ นะคะ
มาถึงแล้ว กำลังจัดการลงชื่อเข้าพักกัน ตามที่จองมาค่ะ
สำหรับใครที่จองพักค้างคืนไว้จะได้รับแท็กคล้องคอแบบนี้ค่ะ โดยแยกจากห้องที่จองนอน หรือบริเวณพื้นที่ที่จองค้างคืนนั่นเอง สำหรับคืนนี้เราจะพักกันที่บริเวณพื้นที่เพนกวิน
ร้าน Shark Bite Toast ร้านที่มีชื่อเสียงด้านน้ำมะละกอปั่นค่ะ
มาถึงแล้วก็ประทับตราของที่นี่กันก่อนเลยค่ะ มีปลาวาฬ เพนกวิน ปลากระเบน
ทางเข้าส่วนของ Water of Taiwan
ปลาฉลามประเภทต่างๆ
เมื่อรวมพลเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นก็ถึงเวลาเดินไปส่วนบริเวณที่ค้างคืนเพื่อเก็บกระเป๋าที่ล็อกเกอร์กัน
โซน Waters of the World มาถึงแล้วค่ะ
ทางเจ้าหน้าที่แบ่งเป็นกลุ่มๆแล้วก็พามาที่ห้องล็อกเกอร์ ซึ่งล็อกเกอร์ต้องเช็คเบอร์จากเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะเพราะถูกจัดไว้แล้ววันต่อวัน
มีตู้ล็อกเกอร์สำหรับการชาร์ตต่างๆด้วยค่ะ เพราะเมื่อเข้าไปด้านในแล้วนั้นจะไม่สามารถชาร์ตอะไรได้เลย
(เพราะไม่มีที่ชาร์ตน่ะสิ)
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็เข้ามาที่ห้องแนะนำ ซึ่งนั่งก็นั่งปนกับคนไต้หวัน และชาวต่างชาติคนอื่น (ที่เห็นคือญี่ปุ่น) T ^ T มีพนักงานหัวหน้าของแต่ละกลุ่มด้วยนะคะที่พูดภาษาอังกฤษได้จะคอยดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดภาษาจีนไม่ได้
สมุดแนะนำว่าการค้างคืนจะมีอะไรบ้างนะ !!! รวมถึงภาพด้านล่างคือการสาธิตการปูที่นอนสำหรับค้างคืน
(ซึ่งต้องทำเองค่ะ)
ในถุงของแต่ละคนจะประกอบด้วย ผ้าปูนอน หมอน 1 ใบ และผ้าห่มหนาๆ นุ่มๆ นำไปปูในส่วนที่ต้องการจะนอนค่ะ โดยต้องอยู่ในบริเวณที่เราจองไว้ค่ะ
หลังจากนั้นจะมีการจัดกลุ่มอีกครั้งตามห้องพักค่ะ ด้านหน้าก็เป็นกลุ่มที่รัตน์และน้องเอิร์นต้องนอนด้วยคืนนี้ค่ะ
ขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบนกันได้เลยค่า
ค่อยๆ เดินตามกลุ่มคณะไปค่ะ
เดินเข้ามาปุ๊บจะเจอแท็งน้ำใหญ่นี้เลยค่ะ
ไกด์ที่พาเดินก็อธิบายเรื่องราวความเป็นมาคร่าวๆ เกี่ยวกับบ่อน้ำนี้ว่ามีสัตว์อะไรบ้างอย่างไร
เมื่อเดินวนลงมาด้านล่างจะเจอกับห้องแรกซึ่งเป็นแมวน้ำค่ะ แมวน้ำว่ายเริงร่าไปทั่วเลย ม้วนตัวโชว์อีกต่างหาก
แมวน้ำน้อยน่ารักๆ
แมวน้อยน่ารักกับน้องเอิร์นคนสวยที่เดินทางมาด้วยกันทริปนี้ถึง 11 วันด้วยกัน
หลังจากนั้นก็ค่อยๆไต่ระดับลงมา ทางไกด์หัวหน้ากลุ่มก็คอยอธิบายว่าที่นี่คืออะไรที่ไหนอย่างไรอีกเช่นเคย
ถึงจะเป็นบ่อปลาที่ไม่ได้ใหญ่เหมือนที่โอกินาว่าที่ญี่ปุ่น แต่ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้กับความสูงของบ่อนี้ เป็นจุดถัดไปที่ได้ชมค่ะ
จากภาพนี้จะเห็นทางเข้าที่เราเดินเข้ามาด้านบนขวามือค่ะ นี่คือไต่ระดับลงมาแล้วนะ
กำลังมองหาปลาฉลามตัวเล็กๆ
และแล้วก็เดินลงมาถึงด้านล่าง ทุกคนก็ถ่ายไป เราก็ถ่ายด้านหลังพวกเค้าดุ
ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับแท็งค์น้ำใหญ่นี้
ลำดับต่อไปเราจะเข้าไปสู่ห้องที่รอคอย ห้องขั้วโลก ซึ่งมีสัตว์ขั้วโลกอาศัยอยู่ค่ะ
ตัวเแรกห้องแรกเลยก็คือน้องเพนกวิน ที่ในห้องแสดงนี้มีเพนกวินถึง 3 สายพันธ์ุด้วยกัน ทุกตัวดูเริงร่า โชว์ออฟหมุนตัวว่ายน้ำให้เราดูตลอดเวลา
สายพันธ์ุของเพนกวินมีดังนี้ค่ะ
- Emperor Penguin เพนกวินจักรพรรดิ์ หรือที่เห็นในเรื่อง Happy Feet ที่เป็นพระเอก สายพันธุ์นี้จะมีน้ำหนักตัวและความสูงที่มากที่สุดในสายพันธุ์เพนกวิน มีถิ่นฐานกำเนิดอยู่ที่ทวีปเอนตาร์กติกา
-
Adélie penguin เพนกวินอาเดลี เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไปในซีกโลกทางใต้ เช่น ขั้วโลกใต้, มหาสมุทรใต้ หรือทวีปแอนตาร์กติกา โดยอาศัยอยู่ร่วมกับเพนกวินจักรพรรดิ์ เป็นเพนกวินขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 46-75 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 3.6-6 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นคือ รอบดวงตามีวงกลมสีขาวคล้ายวงแหวน และมีขนหางที่ยาวกว่าเพนกวินชนิดอื่น ๆ
- อีกชนิดขอไปคุ้ยหาก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นสายพันธุ์ไหน (หน้าตาคล้ายๆ กันหมดเลยสินะ) สำหรับ
ซึ่งห้องของเพนกวินนั้นจำเป็นต้องรักษาระดับอุณหภูมิอยู่ที่ต่ำกว่า -5 องศาและต้องจัดการเรื่องแสงไฟของที่นี่ด้วยเช่นกันให้เปิดปิดตามวงจรเวลาของขั้วโลกค่ะ ส่วนด้านข้างๆ เพนกวินนั้นในห้องแสดงเดียวกันคือเจ้านกพัฟฟินเป็นสัตว์ตัวน้อยอีกตัวที่มีอยู่ในเรื่อง Happy Feet เช่นกันค่ะ
นกพัฟฟินเป็นนกที่บินลงไปอาหารในน้ำลึกค่ะ
ต่อไปเรามาเดินห้องปลาฉลาม (ซึ่งได้รูปไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ น้องหลามว่ายเร็วมากเลย)
เลยถ่ายนางแบบแทนแล้วมีน้องหลามอยู่ด้านหลัง แฮะๆ
ประเภทของน้องปลาฉลาม (ซึ่งห้องนี้จะอยู่ติดกับห้องเพนกวิน ถ้าใครรู้สึกหนาวก็มานอนกับน้องปลาฉลามได้เลย)
เดินออกมาจากห้องปลาฉลามและห้องเพนกวินก็เป็นแท็งค์น้ำใหญ่เหมือนเดิม ไกด์นำทางพาเรามาดูปลานอนหลับอยู่นิ่งๆ กันค่ะ
เดินวนไปวนมาก็เย็นซะแล้ว เพราะมาถึงตามเวลานัดของพิพิธภัณฑ์ก็ 3 โมงแล้วค่ะ เรากำลังเดินออกไปตรงบริเวณทานอาหารเย็นกันค่ะ ซึ่งเป็นแบบ Buffet
โซนที่เรานอนคือโซน Water of the world
มองออกไปเป็นทะเลที่เงียบสงบ (ภาพมืดไปขออภัยนะคะ ทริปรอบหน้าเราเปลี่ยนกล้องเรียบร้อยแล้วจ้า)
ตอนนี้เป็นเวลาปิดของพิพิธภัณฑ์ แต่สำหรับคนที่มาค้างคืนก็สามารถอยู่ได้ เดินได้รอบเลยล่ะค่ะ
ไกด์เริ่มอธิบายให้ฟังว่าปลาฉลามตัวเมียตัวผู้แยกยังไง แตกต่างกันตรงไหน (ซึ่งบอกตามตรงแอบลืมไปแล้วอ่ะ)
มีอาหารให้เราเลือกหยิบๆไปวางที่โต๊ะตามที่ต้องการได้เลยค่ะ
ของทานเพียบเลยจ้า
พอทานเสร็จก่อนจะถึงเวลานัดเข้าไปให้อาหารปลา และชมด้านหลังของแท็งน้ำก็ออกมาถ่ายด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ค่ะ
ทางเจ้าด้านหน้าเป็นแบบนี้ค่ะ
ระวังแอร์ออกด้วยนะคะ
เดินเข้ามาดูห้องปะการังไปพลางๆ สำหรับใครที่พักฝั่งปะการังก็จะได้เดินฝั่งปะการังค่ะ แต่สำหรับเราที่พักอีกฝั่งก็จะได้เดินแต่ฝั่งนั้นค่ะ ทำให้ต้องมาเดินดูเองแบบนี้แหละ
สำหรับบริเวณที่น้องเอิร์นยืนอยู่ ตอนกลางคืนจะเป็นที่นอนค่ะ ให้เพื่อนๆ มานอนดูปลากันได้เลย
ถึงเวลาเราเดินเข้ามาด้านใน เดินชมดูเบื้องหลังบ่อปลาด้านหน้ากันค่ะ
ผู้คนก็ค่อยๆทะยอยเดินมา เราเคยลองไปเดินด้านหลังของแท็งที่พารากอนมาแล้วเหมือนกันค่ะ แต่ขนาดเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ
ไกด์ยืนอธิบายแบบนี้เลยว่าอะไรเป็นอะไรด้วย (เป็นภาษาจีนนะคะ)
ชมภาพบรรยากาศด้านในกันค่ะ เป็นการดูเบื้องหลังของแต่ละบ่อของด้านนอกค่ะ จากรูปด้านล่างเป็นบ่อที่มีการถ่ายเทเปลี่ยนน้ำเติมตลอดเวลาเลย
มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของกิจกรรมด้านในนี้คือการให้อาหารแมงกระพรุน และอ่างเพาะเลี้ยงแมงกะพรุน ที่ทำให้เด็กๆ และผู้ที่เข้ามาได้ลองเลี้ยงอาหารกันดูค่ะ
มีแมงกระพรุนอยู่หลากหลายช่วงอายุด้วยกันค่ะ
มาให้อาหารแมงกระพรุนกันค่ะ ซึ่งเป็นแพลงตอนนั่นเอง
เราก็มีนางแบบสาวสวยช่วยเป็นแบบถ่ายภาพให้เราด้วยนะ
ไกด์ก็พามาเรียนรู้การเติบโตของแมงกระพรุนกันค่ะ
หลังจากให้อาหารแมงกระพรุนแล้วก็หันหลังมาถ่ายแทงค์น้ำ
หลังจากนั้นก็มาดูเจ้าตัวนี้กัน ทางเจ้าหน้าที่ให้จับได้ด้วยล่ะ
หลังจากนั้นก็มาให้อาหารปลากันค่ะ
โปรยลงไปแบบนี้แหละ
ปลาก็รีบมากินเลยล่ะค่ะ
ปลากระเบนว่ายน้ำมาแล้ว ถือว่าคุ้มกับเงินที่เสียไปจริงๆค่ะ ได้ทำอะไรหลายอย่าง
มาถึงช่วงเวลาของการทำ DIY แล้วล่ะค่ะ ซึ่งเป็นการปั้นดินน้ำมันวิทยาศาสตร์ ซึ่งดินน้ำมันนี้ไม่ติดมือเลยล่ะปั้นได้สนุกดีจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นกิจกรรมที่ทำกันได้ทั้งครอบครัว ซึ่ง 1 คนก็ได้ 1 ชุดในการทำ
ปั้นเสร็จแล้วค่าเป็นน้องเพนกวินมีโบว์กับปลาโลมาสีส้มค่ะ
แต่นแต๊น
ถึงเวลาที่เราได้เดินชมพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืนกันแล้วนะคะมาดูกันค่ะว่าเป็นยังไง
ทาง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จะปิดไฟในโซนนั้นแล้วให้เจ้าหน้าที่ส่องไฟฉายดูว่าปลาทำอะไรกันบ้างตอนกลางคืน
ถึงเวลาที่ต้องกลับไปบริเวณที่เราจะนอนแล้วล่ะค่ะ บริเวณนกเพนกวินปิดไฟแล้วค่ะตามเวลาของการนอนพื้นที่ทางธรรมชาติจริงๆ เลยล่ะ
แต่ฝั่งนกพัฟฟินยังเปิดไฟอยู่ค่ะ แต่พอดึกๆไฟก็ปิดแล้วนะ
ถึงเวลาที่เราต้องนอนแล้วล่ะค่ะ ก็กางที่นอนที่ทางพิพิธภัณฑ์เตรียมมาให้ลงมาปูนอนค่ะ
ทุกคนก็ปูกันแบบนี้
หมอนนิ่มมากๆเลยล่ะ รัตน์ตั้งที่นอนตรงข้ามกับที่เพนกวินว่ายน้ำอยู่ค่ะ คืนนี้ขอนอนหลับฝันดีก่อนนะคะ ><
——– เดี๋ยวก่อนยังไม่จบๆ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ —————–
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าาพักแบบนี้จะอาบน้ำอาบท่ายังไง มาดูกันค่ะว่าห้องน้ำของที่นี่จะเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนที่จะเดินทางไปที่ห้องน้ำก็เจอนักท่องเที่ยวที่มาคนอื่นปูผ้านอนกันตรงนี้ค่ะ
เดินไปเอาของที่ล็อกเกอร์
ก่อนจะเข้าไปยังส่วนบริวณอาบน้ำก็จะมีแยกโซนชาย – หญิงค่ะ
ตกแต่งห้องน้ำเป็นลายปลาฉลาม
อันนี้เป็นห้องอาบน้ำต่างๆ ค่ะ ตกแต่งน่ารักจริงๆ เด็กไม่ร้องไห้งอแงแน่นอน
มีปลั๊กไฟและไดร์เป่าผมด้วยจ๊ะ
ห้องอาบน้ำค่อนข้างใหญ่ค่ะ มีน้ำอุ่นน้ำเย็น
สำหรับคืนนี้อาบน้ำเสร็จก็ไปนอนเลยค่ะ แล้วก็ตอนเช้าตื่นมาก็ทำกิจกรรมต่อ แต่เนื่องจากว่ารัตน์จองรถไฟไปที่ฮวาเหลียนตอนช่วงสายๆ จึงต้องรีบกลับไปที่เกาสงอย่างด่วนสุดๆ ถึงอย่างนั้นเราก็ทานข้าวเช้ากันก่อนที่จะไปรวมถึงชมโชว์ให้อาหารตอนเช้าด้วยค่ะ
เดินทางทานอาหารเช้า
ยังคงเป็น Buffet อีกเช่นเคย
เดินเข้าไปในส่วน Water of Taiwan ค่ะชมระบบนิเวศน์ของทะเลที่ไต้หวันกันว่ามีอะไรบ้างตามมาดูกันได้เลย
นี่คือการเพาะเลี้ยงหอยนางรมค่ะ
อ่างปลาตัวเล็กๆ นี้ถ้ากลับไปดูรูปด้านบนจะเห็นว่าเราได้เดินดูจากมุมมองด้านบนไปแล้วในการทัศนศึกษาด้านหลังของพิพิธภัณฑ์
โชว์ให้อาหารปลาในตอนเช้าเริ่มจากที่บ่อนี้ก่อนค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่เรียก และเชิญให้มานั่งพร้อมบรรยาย
ก่อนจะไปขึ้นรถอีกที่ก็อยากจะพาไปชมอีกส่วนกันที่ไม่ได้ไปถ่ายรูปในวันแรกค่ะ
เวลาในการโชว์สัตว์น้ำตามเวลาต่างๆดังนี้
*10:00 Puffin Feeding Show
*10:00 Seal Feeding Show
*11:00 Penguin Feeding Show
ตอนเช้าก็มีบรรยากาศแตกต่างออกไปจากตอนเย็นที่มาถึง
อุโมงค์ด้านล่างนี้ตอนกลางคืนมีคนมาพักด้วยนะคะ
ใกล้เริ่มจากโชว์ให้อาหารปลากันแล้ว
มีร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ มากมายด้านในค่ะ
ของที่ระลึกที่เราได้กลับบ้านมา
เป็นยังไงกันบ้างกับไดอารี่การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในครั้งนี้ของเราสองคน ภาพอาจจะยังถ่ายมาได้ไม่หมด เพราะยังเดินได้ไม่ทั่ว แถมยังทำกิจกรรมกันไม่หมดด้วยค่ะ สำหรับท่านใดสนใจไปพักที่นี่หรือไปเที่ยวสามารถเดินทางไปได้ตามนี้เลยค่ะ
ขอแนะนำการเดินทางที่ง่ายที่สุดในการเดินทางมาที่นี่ค่ะ
- เดินทางโดยขึ้น Shuttle Bus จากสนามบินเกาสง (ซึ่งนั่งรถไฟฟ้าไปถึงได้ที่สถานีนี้)
ที่นี่จะมีรถ Shuttle Bus บริการไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำค่ะ แต่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า 2 วันก่อนเดินทางไป ได้ที่ Email : sea4545@kentington.com.tw โดยค่าบริการรถ Shuttle Bus เสียเงิน 400 NTD ต่อท่าน - Kenting Express Bus : จากเกาสง ให้ไปที่สถานีรถไฟฟ้า Checheng และรอรถบัสที่นั่นค่ะ ถ่ายรูปนี้เก็บไว้เลยก็ได้นะคะ เผื่อกันหลงเพราะมีภาษาจีน โดยรถจะมาทุกๆ 30 นาทีนั่นเอง จะมาจอดตรงฝั่งตรงข้ามกับที่รัตน์และน้องเอิร์นลงรถค่ะ ดังนั้นจำเป็นต้องเดินข้ามฟากมาเพื่อรอรถบัสเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์อีก 15 นาที
กำลังรอรถกลับไปที่ป้ายรถเมล์ด้านนอกเพื่อรอรถไปที่เกาสงกันค่ะ โดยรถจะมาทุกๆ 30 นาที
สามารถใช้ Easy Card ได้ด้วยนะเวลาขึ้นลงรถ
สำหรับการจ่ายเงินเข้าพักสามารถทำผ่านการตัดบัตรเครดิตได้เลยง่ายๆ ตามขั้นตอน Link นี้ค่ะ
http://sleepover.aquarium.com.tw/en-us/?Psn=10377
วันเวลาเปิด-ปิด : 9 AM – 6 PM
เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ : http://www.nmmba.gov.tw/english/index.aspx
เว็บไซต์สำหรับค้างคืน : http://sleepover.aquarium.com.tw/en-us/